tag:blogger.com,1999:blog-83206470905547639152024-03-22T01:06:14.621+07:00ครอบครัวคณิตศาสตร์wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.comBlogger14125tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-90519519863510937222010-02-25T18:48:00.005+07:002010-02-25T18:53:42.774+07:00เรื่อง ขอให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมทุกคนจากที่เธอได้เรียนวิชาการจัดการชั้นเรียนโดยใช้WeblogหรือฺBlog ผู้เรียนเห็นว่าการใช้งานนี้มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร<br />
<br />
ให้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ เพื่อจะนำไปพัฒนาใช้ในโอกาสต่อไป แสดงความคิดเห็นให้ก่อนสอบจะเป็นคะแนนช่วยเพิ่มเติ่ม<br />
<br />
<span style="color: purple;">ข้อดี</span> <br />
<span style="color: #783f04;">- การเรียนการสอนผ่านทาง weblog นั้นทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนในเวลาอันใกล้และในอนาคต</span><br />
<span style="color: #783f04;">- การเรียนที่ใช้ weblog นั้นสะดวกในการได้รับคำติชมหรือการแสดงความคิดเห็นจากอาจารย์ผู้สอนหรือจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น</span><br />
<span style="color: #783f04;">- weblog เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนได้เรียนร่วมกัน และได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เกิดความสามัคคีกันแลมีน้ำใจแก่ผู้อื่น</span><br />
<span style="color: #783f04;">- weblog เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และดึงดูดให้ผู้เรียนได้สนใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ เพราะการเรียนการสอนไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เฉพาะในตำราเรียนเท่านั้น</span><br />
<span style="color: #783f04;">- weblog น่าจะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมทฤธิ์ทางการเรียนทางการเรียนดีขึ้น เพราะการเรียนการสอนไม่น่าเบื่อ</span><br />
<span style="color: #783f04;">- เป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ และเกิดการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา</span><br />
<span style="color: #783f04;">-เป็นความรู้ใหม่ที่นักศึกษาวิชาชีพสมควรศึกษา เพราะสามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต /เป็นชิ้นงานหรือผลงานของตนเอง</span><br />
<span style="color: #783f04;">- เกิดความภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง เพราะนอกจากมีผลงานส่งอาจารย์ผู้สอนแล้ว ยังมีผลงานเผยแพร่ต่อสายตาสาธารณชนอีกด้วย</span><br />
<br />
<span style="color: purple;">ข้อเสีย</span><br />
<br />
<span style="color: #783f04;">- สำหรับนักศึกษาที่ไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นของตนเองก็จะลำบากในการเรียนการสอนหรือการส่งงาน</span><br />
<span style="color: #783f04;">- การส่งงานหรือตกแต่ง weblog นั้นต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่ที่หอพักไม่ค่อยมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตเลย จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการทำงาน</span><br />
<br />
<span style="color: #783f04;"> อย่างไรก็ตามกระผมคิดว่าการเรียนการสอนที่ใช้ weblog นั้นถือว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวของกระผมมากทำให้กระผมก้าวทันนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา กระผมขอขอบพระคุณอาจารย์ผู้สอนเป็นอย่างยิ่งที่นำการสอน weblogมาใช้ในการสอนในครั้งนี้</span><br />
<br />
วิรัช ศรีสวัสดิ์<br />
5011103039<br />
wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-85990447793406603242010-02-17T23:51:00.001+07:002010-02-18T00:06:32.652+07:00ข้อสอบ<span style="color: blue;">ให้นักเรียนตอบข้อสอบลงในWeblog ของนักเรียนแต่ละคน</span> <br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"></div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><br />
</div><span style="color: blue;">คำสั่ง ให้นักเรียนทำข้อสอบโดยการแสดงความคิดเห็นสะท้อนข้อคิดพร้อมยกตัวอย่างประกอบในการแสดงความคิดเห็นให้เป็นเหตุเป็นผลของผู้เรียน อาจารย์จะอ่านข้อคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน เขียนในWeblog ให้ชวนอ่าน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้</span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: blue;">ข้อที่ 1 กรณีที่เกิดความวุ่ยวายของบ้านเมืองโดยเฉพาะผู้นำประเทศที่ผ่านมา ท่านในฐานะเป็นครูพันธ์ใหม่ ท่านจะแสดงความคิดเห็น อดีตนายกทักษิณ ทั้งข้อดีและข้อเสียของท่าน หากพิจารณาข้อดีและข้อเสียท่านจะนำมาสอนให้ผู้เรียนเกิดความคิดที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร</span></div> <span style="color: blue;"> ตอบ</span> <span style="color: #274e13;">ข้อดีของอดีตนายกทักษิณ </span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">1 เป็นคนที่เก่ง และฉลาด</span></div><span style="color: #274e13;">2 เป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่มีดี มีความมั่นใจในตนเองสูง</span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">3 เป็นคนที่คิดกว้างไกล และคิดทำงานอย่างเป็นระบบ มีการวางแผนการทำงาน</span></div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">4 เป็นนายกคนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจดีในระดับหนึ่ง อาทิ ภาคใต้ยางก็จะแพง ปาล์มก็แพง เป็นต้น</span></div><span style="color: #274e13;">5 เป็นคนรู้จักใช้กฎหมาย สร้างกฎหมาย</span><br />
<span style="color: #274e13;">6 ท่านเป็นคนที่ปลดหนี้ IMS</span><br />
<span style="color: #274e13;">7ท่านช่วยลดปัญหาเรื่อง “ยาเสพติดที่เกิดขึ้นภายในประเทศ”</span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;"> 8ช่วยนำเสนอผลงานที่เกิดจากฝีมือของคนในท้องถิ่นให้คนต่างชาติได้รู้ ทำให้กระจายเงินให้กับคนในชนบท เช่น “OTOP”</span></div><span style="color: #274e13;">9ช่วยทำให้ความสัมพันธ์อันดีให้กับต่างประเทศ ทำให้มีคนเข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น</span><br />
<span style="color: #274e13;">10ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย</span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;"><br />
</span></div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">ข้อเสียของอดีตนายกทักษิณ</span></div><div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">1. ขาดจริยธรรมและความชอบทำในการปกครองประเทศ</span></div><span style="color: #274e13;">2. ใช้อำนาจเสียงข้างมากในการแทรกแซง ครอบครำกระบวนการนิติบัญญิติ</span><br />
<div style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none;"><span style="color: #274e13;">3. ทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน สร้างความอ่อนแอให้แก่องค์กรอิสระทำให้เหล่านั้น ทำให้องค์กรดังกล่าวขาดความน่าเชื่อถือ ในที่สุดไม่สามารถที่จะตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจในตอนที่ท่านเป็นนายกได้</span></div><span style="color: #274e13;">4. ปล่อยให้เกิดการคอรับชั่นอย่างกว้างขวาง</span><br />
<span style="color: #274e13;">5. เล่นพักเล่นพวกและเปิดโอกาสให้พี่น้องหรือครอบครัวเข้ามาหาประโยชน์จากโครงการของรัฐ อาทิ “กรณีการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปปอเรชั่น จำกัด มหาชน</span><br />
<span style="color: #274e13;">6. ใช้นโยบายหว่านเงินให้กับประชาชนในระดับรากหญ้า เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง</span><br />
<span style="color: #274e13;">7. ขาดความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาโดยฐานรากและขาดการแก้ปัญหาโดยความสันติวิธี เช่น ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดสามชายแดนภาคใต้</span><br />
<span style="color: #274e13;">8. การบริงานราชารแผ่นดินมาโปร่งใส่ไม่สามารถตรวจสอบได้</span><br />
<span style="color: #274e13;">9. ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีศีลธรรม และหวังผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม</span><br />
<span style="color: #274e13;"> หากข้าพเจ้าจะสอนนักเรียนให้มีความคิดที่เป็นผู้นำข้าพเจ้าก็จะสอนให้นักเรียนเป็นคนที่รู้จักคิดกว้างไกล หรือกล้าในการคิดสมัยใหม่ เป็นคนที่จะต้องมีการทำงานให้เป็นระบบ และมีการวางแผนการทำงานเสมอ เพราะการวางแผนงานนั้นเราจะรู้ว่าต้องทำงานอย่างไรบ้าง ต้องฝึกให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออกและมีความมั่นใจในตัวเอง โดยข้าพเจ้าจะสอนให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มเพื่อฝึกความสามัคคี และการเป็นฝึกการเป็นผู้นำในกลุ่มขนาดเล็ก หรือฝึกการเป็นผู้ตามที่ดี ฝึกให้ทุกคนในกลุ่มยอมรับเสียงข้างมากพร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในลุ่ม และยอมให้อภัยกับสมาชิกในกลุ่มเมื่อมีเรื่อองเข้าใจผิดกัน ตลอดจนเป็นการฝึกให้ทุกคนเห็นประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ของส่วนตัว และข้าพเจ้าจะสอนให้นักเรียนดำเนินชีวิตแบบทางสายกลาง หรือแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้ในอนาคต</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<br />
<br />
<span style="color: blue;">ข้อที่ 2 การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่จะให้มีประสิทธิภาพท่านจะมีวิธีคิดอย่างไรหากท่านเป็นครูที่ดีควรเตรียมการเป็นที่ครูที่ดีอย่างไรให้ท่านแสดงความคิดเห็นของท่านเอง</span><br />
<span style="color: blue;">ตอบ</span> <span style="color: #274e13;">การจัดการเรียนการสอนที่จะให้มีประสิทธิภาพนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า จะจัดการเรียนการสอน “แบบกลุ่ม โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ และคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล</span><br />
<span style="color: #274e13;"> สำหรับการเตรียมการเป็นครูที่ดีนั้น ข้าพเจ้าจะเริ่มจากตัวของข้าพเจ้าเองโดย</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องรักและศรัทธาในวิชาชีพครู</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนที่มีความอดทนอดกลั้น อดออม เสียสละ และโอบอ้อมอารี</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องฝึกตนเองให้เป็นคนที่มีระเบียบมีวินัย ตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย</span><br />
<span style="color: #274e13;"> ฝึกตนเองเป็นคนที่มีความริเริ่มสร้างสรรค์ คิดกว้างไกล โดยต้องคิดในใจเสมอว่า</span><br />
<span style="color: #274e13;">- “การเรียนรู้สามารถเรียนร้ได้ตลอดชีวิต”</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ฝึกให้ตนเองมีความกระตือรือร้นในระบบการปกครองในระบบประชาธิปไตย มีความรักและเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ฝึกให้เป็นคนมีคุณธรรมประจำใจ คือ (อิทธิบาท 4) คือ มีความเพียรพยายามในการสอน มีความพอใจต่อหน้าที่การงาน ตริตรองหรือพิจารณาหาเหตุผลของงานเพื่อให้เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องรู้จักการเขียนแผนการสอนและการเตรียมตัวการสอนล่วงหน้า</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องมีความเป็นกันเองกับผู้เรียนทำให้ผู้เรียนไว้ใจ และปรึกษาผู้สอนได้ทุกเรื่อง</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องฝึกให้ตนเองสามารถใช้รูปแบบการสอนที่หลากหลาย พร้อมทั้งสามารถนำมาปรับหรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับนักเรียน</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ต้องปรับตัวให้เข้ากับชุมชนหรือผู้ปกครองที่ข้าพเจ้าจะไปสอนที่นั้น โดยการสร้างสัมพันธ์อันดีกับบิดา มารดาและผู้ปกครองของนักเรียน ช่วยเหลือชุมชน สังคม เมื่อมีโอกาสไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมที่ดีของชุมชนเหล่านั้นไว้</span><br />
<span style="color: #274e13;"> จากการที่กล่าวมาแล้วข้าพเจ้าแน่ใจว่าข้าพเจ้าจะเป็นครูที่ดีในอนาคตได้ และเป็นครูพันธ์ใหม่ที่พร้อมพัฒนาระบบการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<a name='more'></a><br />
<br />
<span style="color: blue;">ข้อที่ 3 ในฐานะท่านเป็นครูพันธ์ใหม่ ท่านจะนำนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนมาใช้การเรียนการสอนแบบใหม่ได้อย่างไร</span><br />
<span style="color: blue;">ตอบ</span> <span style="color: #274e13;">ข้าพเจ้าจะนำนวัตกรรมมาจัดการเรียนการสอนโดยจัดการเรียนการสอนดังนี้</span><br />
<span style="color: #274e13;">- สั่งให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและส่งงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ให้นักเรียนศึกษาสื่อการเรียนการสอนที่เป็นบทเรียนสำเร็จรูป หรือมัลติมิเดีย เช่น การทำบทเรียน เรื่อง “วงกลม” “วงรี” “สามเหลี่ยม” เป็นต้น</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ให้นักเรียนศึกษาบทเรียนที่เป็น e-book</span><br />
<span style="color: #274e13;">-ใหน้กนักเรียนศึกษาการทำ webblog<br />
- .ให้นักเรียนฝึกทำ Power PowerPoint และนำเสนอ หรือสอนการทำโครงงานให้กับนักเรียน โดยผู้สอนจะคอยชี้แนะหรือแนะนำ<br />
- มีการทดสอบหรือประเมินผลผู้เรียนโดย บทเรียนสำเร็จรูปหรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยเป็นการประหยัดทั้งเวลาและทำให้ผู้เรียนมีความเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น </span><br />
<span style="color: #274e13;">- มีการใช้โปรแกรม GSP ในการสอนอย่างเช่นวิชาคณิตศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจเนื้อหาได้มากยิ่งขึ้นและมองเห็นภาพประกอบได้จัดเชนมากยิ่งขึ้น</span><br />
<span style="color: #274e13;">- .ให้นักเรียนมีการเรียนรู้ผ่านทางระบบการเรียนการสอนทางไกล เมื่อนักเรียนไม่เข้าใจครูก็จะสอนเพิ่มเติม</span><br />
<br />
<br />
<span style="color: blue;">ข้อที่ 4 การประกันคุณภาพมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการในชั้นเรียนได้อย่างไร</span><br />
<span style="color: blue;">ตอบ</span> -<span style="color: #274e13;"> ทำให้การจัดการชั้นเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึน เพราะการประกันคุณถาพทุกครั้งครูจะต้องปรับปรุงการสอนหรือได้รับแนะนำเกี่ยวกับการสอนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</span><br />
<span style="color: #274e13;">- ทำให้ครูผู้สอนนอกจากจัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว ยังสามารถใช้การวิจัยเพื่อศึกษาหรือค้นหาคำตอบ เพื่อพัฒนาการสอนหรือการเรียนรู้ของผู้เรียนและระบบการศึกษา</span><br />
<span style="color: #274e13;">- เป็นกระบวนการหนึ่งที่นำไปสู่การปฏิรูปการศึกษา ทำให้เป็นที่น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ</span><br />
<span style="color: #274e13;">- การประกันคุณภาพช่วยยกระดับโรงเรียน ชั้นเรียน และครูผู้สอน<br />
- การประกันคุณภาพช่วยทำให้การบริหารในชั้นเรียนทันสมัย</span><br />
<br />
<br />
<br />
<span style="color: blue;">ข้อที่ 5 ให้ผู้เรียนประเมินผู้สอนทั้งข้อดีข้อเสียและข้อเสนอแนะเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงการเรียนการสอนต่อไป</span><br />
<br />
<span style="color: blue;">ตอบ</span> <span style="color: #274e13;">ข้อดี</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นคนตรงต่อเวลา พูดจาเพราะ</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์มีความตั้งใจในการถ่ายทอดความรู้ สูงมาก และมีความหวังต่อนักศึกษาสูง</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์ถ่ายทอดความรู้โดยไม่หวงแหนความรู้หรือปิดบังกับศิษย์</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นกันเองกับศิษย์</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์แต่งการเรียบร้อย</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่หลากหลาย สามารถทำให้นักศึกษามีผลงานเป็นของตนเองและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเป็นครูได้ในอนาคต</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นคนที่ให้คำปรึกษาได้ดีเยี่ยม ทั้งการเรียนและเรื่องอื่น</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์ติดตามงานและให้คำปรึกษาทันที</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และคิดกว้างไกล และตรงไปตรงมา สมควรเอาเป็นแบบอย่าง</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นปูชนียบุคบลสำหรับอาจารย์ประสิทธิ์วิชาแก่ศิษย์ยานุศิษย์</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์เป็นกัลยานิมิตแก่ทุกคน คิดในเชิงบวกไม่คิดในเชิงลบ</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<span style="color: #274e13;">ข้อเสีย</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์พูดเร็วเกินไป ทำให้นักเรียนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง</span><br />
<span style="color: #274e13;">อาจารย์สั่งงานเยอะมาก</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<span style="color: #274e13;"><br />
</span><br />
<span style="color: #274e13;">ข้อเสนอแนะ</span><br />
<span style="color: #274e13;">- เวลานำเสนองานหน้าชั้น อยากให้อาจารย์ Comment การนำเสนอหรืองานที่ของนักศึกษาบ้างทำให้นักศึกษาได้รู้ว่างานชิ้นนั้นดีหรือไม่ หรือการนำเสนอเป็นอย่างไรบ้าง</span><br />
<span style="color: #274e13;">- อยากให้อาจารย์เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงโรงเรียนบ้าง เพื่อไปดูการจัดการบริหารชั้นเรียนที่จริงบ้างทำให้นักศึกษาได้เห็นปัญหาและคิดวิธีการแก้ปัญหาได้ถูกต้องตรงจุด</span><br />
<span style="color: #274e13;">-อยากให้อาจารย์เชิญบุคลากรภายนอกมาบรรยายการจัดการชั้นเรียนที่ถูกต้องบ้าง</span><br />
<div class="separator" style="border-bottom: medium none; border-left: medium none; border-right: medium none; border-top: medium none; clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_ubeduSulim-OzxAwapfDRKOKhyphenhyphen0efSx5aKcf5K09prFQNgDl2axqcUAqANMU_oF8LONRejRaGHhEHeDNhdj7zXlOdykV1tNf2HKUKDHUJ4jVX3f1LAfUbxArX2q38XG2ZEwU0cLAnAE/s1600-h/th_z26%5B1%5D.gif" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" ct="true" height="224" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_ubeduSulim-OzxAwapfDRKOKhyphenhyphen0efSx5aKcf5K09prFQNgDl2axqcUAqANMU_oF8LONRejRaGHhEHeDNhdj7zXlOdykV1tNf2HKUKDHUJ4jVX3f1LAfUbxArX2q38XG2ZEwU0cLAnAE/s320/th_z26%5B1%5D.gif" width="320" /></a></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-25445238033440795262010-02-17T18:57:00.001+07:002010-02-18T00:07:15.899+07:00ส่งงานกลุ่มที่ 8 การจัดระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ<a href="http://www.mediafire.com/?zmdydnzh0ii">wirat srisawat</a>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-51398708625758039962010-02-10T22:58:00.003+07:002010-02-12T01:25:39.484+07:00ใบงานที่ 10<div><strong><span style="font-size: 180%;">การจัดชั้นเรียนที่ดี</span></strong></div><div><br />
<br />
<br />
<br />
</div><div><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436645315902132626" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhMwsbdDwj0S0sadbQFZHrQINQnwyP_tNc5CaTqms9j1WHgdZFcv1SXVmyLHXc3KAKeA3WQt0ub0TSrd18mH3_wknqN6hZr6ujpNJlYjP38cOefv2jQQDIMp4eUsIS5ji5vAjMlUu9blXg/s200/subject%5B1%5D.gif" style="cursor: hand; display: block; height: 184px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 338px;" /><br />
<br />
ความหมายของการจัดชั้นเรียน<br />
การจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพในห้องเรียน<br />
การจัดการกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของนักเรียน<br />
การสร้างวินัยในชั้นเรียน<br />
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู<br />
การพัฒนาทักษะการสอนของครูให้สามารถกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจในการเรียนเพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ<br />
<br />
ความสำคัญของการจัดชั้นเรียน<br />
1. การเรียนรู้จะเกิดขึ้นไม่ได้หรือเกิดได้น้อยถ้ามีสิ่งรบกวนในชั้นเรียนตลอดเวลาด้วยปัญหาด้านพฤติกรรมของนักเรียน<br />
2. นักเรียนที่อยู่ในชั้นเรียนที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งแวดล้อมในชั้นเรียนมีเสียงดังและสิ่งรบกวน หรือการจัดที่นั่งไม่เหมาะสม อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาทางวินัยนำไปสู่พฤติกรรมที่ก้าวร้าวหรือทำให้นักเรียนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ส่งผลให้ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่<br />
3. การกำหนดคุณลักษณะพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ของนักเรียนไว้ล่วงหน้ามีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดการชั้นเรียน เพราะจะทำให้นักเรียนมีแนวทางในการควบคุมพฤติกรรมของตนเองโดยไม่แสดงพฤติกรรมที่จะเป็นการรบกวนการเรียนรู้ของผู้อื่น<br />
4. ชั้นเรียนที่มีการจัดการกับพฤติกรรมของนักเรียนได้อย่างเหมาะสม จะทำให้ครูสามารถดำเนินการสอนได้อย่างเต็มที่โดยไม่เสียเวลากับการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของนักเรียน<br />
5. การจัดการชั้นเรียนให้นักเรียนมีวินัยในการเรียนรู้และการอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้ออาทรโดยคำนึงถึงกฎระเบียบของชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง นอกจากยังเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรุ้แล้วยังมีผลในระยะยาว คือ เป็นการปลูกฝั่งลักษณะนิสัยเพื่อเป็นการพลเมืองดีในอนาคตอีกด้วย<br />
<br />
สรุปความสำคัญของการจัดชั้นเรียน<br />
การดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียน เพื่อการกระตุ้นและส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้รวมถึงการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของนักเรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของการเรียนการสอนตลอดจนบรรลุเป้าหมายของการศึกษา<br />
<br />
การจัดชั้นเรียนเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้<br />
บรรยากาศการเรียนรู้ หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมให้แก่นักเรียนทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน ทั้งทางด้นกายภาพ ได้แก่ การจัดห้องเรียนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างหลากหลาย ตั้งแต่โต๊ะเรียน การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน การร่วมกันสร้างกฎกติกาของการเรียนรู้ในชั้นเรียน<br />
<br />
การจัดชั้นเรียนให้บรรลุเป้าหมาย<br />
ครูจะต้องดำเนินงานในสิ่งต่อไปนี้<br />
1. การจัดเก็บอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆในชั้นเรียน<br />
2. การกำหนดลักษณะการเคลื่อนไหวของนักเรียนในชั้นเรียน<br />
3. การกำหนดกฎระเบียบในชั้นเรียน<br />
4. การเริ่มและการสิ้นสุดการสอนด้วยความราบรื่น<br />
5. การจัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนกิจกรรมในระหว่าง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZmimzcjYTUI5CiIOYUEyaurd-oujm7Npt8bCywUdpP1GnFAMXrBgwzQyGfqE98yKL4cOo-E2ATwbeZx2X6Uqq2pESvZScfGYUcWVWKWUejY2MCGkpFLFe0N1aLMt1sLxblJ4CpyK7j-g/s1600-h/school3[1].jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436645054225174722" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZmimzcjYTUI5CiIOYUEyaurd-oujm7Npt8bCywUdpP1GnFAMXrBgwzQyGfqE98yKL4cOo-E2ATwbeZx2X6Uqq2pESvZScfGYUcWVWKWUejY2MCGkpFLFe0N1aLMt1sLxblJ4CpyK7j-g/s320/school3%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; float: right; height: 320px; margin: 0px 0px 10px 10px; width: 320px;" /></a>ชั่วโมงเรียน<br />
6. การจัดการเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของนักเรียน เริ่มจากการกระตุ้นให้นักเรียนสนใจบทเรียน และขจัดอุปสรรคหรือสิ่งที่จะรบกวนให้น้อยที่สุด<br />
7. การดำเนินงานให้การเรียนรู้เป็นไปในทางที่ครูได้กำหนดหรือวางแผนไว้<br />
8. การดำเนินการเพื่อให้นักเรียนพัฒนาตามความต้องารของนักเรียนแต่ละคน<br />
<br />
ปัจจัยเงื่อนไขของความสำเร็จในการจัดการชั้นเรียน<br />
- การจัดที่นั่งของนัดเรียนในชั้นเรียนเป็นอย่างไร<br />
- ปฎิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน หรือนักเรียนกับนักเรียนเป็นอย่างไร<br />
- การเคลื่อนที่ไปรอบๆห้องของสมาชิกในชั้นเรียนจะทำได้ในกรณีใด<br />
- การรับรู้ถึงบรรยากาศและระเบียบวินัยในภาพรวมเป็นอย่างไร<br />
<br />
ลักษณะของการจัดชั้นเรียนทางกายภาพที่ดี<br />
1. มีการจัดที่นั่งในชั้นเรียนอย่างชัดเจน เพื่อใช้อเนกประสงค์และเพื่อให้นักเรียนมั่นใจในการใช้พื้นที่ว่างของตน ตัวอย่างเช่น<br />
- บริเวณที่มีการใช้วัสดุร่วมกัน<br />
- ที่ว่างส่วนตัวที่นักเรียนจะทำงานโดยลำพัง เช่น โต๊ะแถวของนักเรียนแต่ละคน<br />
2. ในชั้นเรียนที่มีนักเรียนมีปัญหาทั้งด้านการเรียนและด้านพฤติกรรม อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการแยกกลุ่มออกมาอยู่ในที่ว่างมากขึ้น เพื่อให้นักเรียนสงบ มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น<br />
3. มีที่ว่างส่วนตัวของนักเรียนแต่ละคน และมีพื้นที่ของนักเรียนทั้งกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็กสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ มีที่ว่างสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ<br />
4. ลักษณะที่นั่งของนักเรียนเป็นแถว เพื่อความสะดวกในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชาการ<br />
5. การจัดที่นั่งลักษณะเป็นกลุ่ม จะทำให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม<br />
6. การจัดชั้นเรียนในบริเวณที่จำกัดและมีการใช้อย่างหนาแน่น เช่น บริเวณที่เหลาดินสอ ที่วางถังขยะหลังห้อง ตลอดจนส่วนที่จะให้นักเรียนถูกรบกวนโดยง่าย ครูควรจัดให้นักเรียนนั่งห่างออกไป<br />
7. ครูและนักเรียนทั้งชั้นเรียนควรมองเห็นกันและกันอย่างชัดเจน<br />
8. ควรจำกัดสิ่งเร้าทางการมองเห็นและการได้ยินที่จะมารบกวนความสนใจและพฤติกรรมของนักเรียน ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถดำเนินงานในชั้นเรียน<br />
9. การจัดที่นั่งสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ควรให้นั่งอยู่ใกล้กับครูจะทำให้เกิดผลดี เพราะทำให้ครูจัดการกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาได้<br />
10. การจัดชั้นเรียนทางกายภาพที่เป็นระเบียบเรียบร้อยจะมีประโยชน์และทำให้เกิดพลัง เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
<a name='more'></a><br />
สิ่งที่คำนึงถึงในการจัดที่นั่งของนักเรียนและครู<br />
การจัดที่นั่งของนักเรียน <img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436646330747771698" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEisIAIv7rBkCE-zemPXK-mIG6-3Q5NL_QvKSUVhwdMyp5Quet6KOgTTmTgk25QmsuZesLCwS8k56bxL3HmVgyhnYVUHHWE2aLxCjy0x4m5NIW3JHIshs9kgn3fB6a-xkwkpddCF0SaKj2c/s320/classroom2%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; display: block; height: 240px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 320px;" /><br />
สิ่งสำคัญที่ครูจะต้องคำนึงถึง คือ การเลือกรูปแบบการจัดโต๊ะ นักเรียนให้เหมาะสมกับวิธีการสอนของครู และการจัดที่ว่างสำหรับการเคลื่อนที่ของผู้เรียนแต่ละคน เช่นผู้เรียนที่มีปัญหาทางสายตาควรนั่งหน้า<br />
<br />
การจัดที่นั่งสำหรับครู<br />
การจัดโต๊ะและที่นั่งของครูถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีอิทธิพลต่อการจัดบรรยากาศในชั้นเรียน<br />
แนวทางการจัดที่นั่งสำหรับครู<br />
การจัดที่นั่งไว้หลังห้อง จะเน้นการส่งเสริมบรรยากาศของการเรียนที่เน้นนักเรียน ครูสามารถทำงานของตนและจับตาดูพฤติกรรมของนักเรียนไปด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถพูดคุ่ยกับครูได้โดยที่เพื่อนไม่สังเกตเห็นอีกด้วย<br />
การจัดที่นั่งครูไว้หน้าห้องเรียน เป็นการส่งเสริมบรรยากาศของชั้นเรียนแบบมีการควบคุม ครูสามารถมองเห็นความเป็นไปของสภาพห้องเรียนทั่วทั้งห้อง ในขณะที่ครูสั่งให้นักเรียนทำงาน แต่การจัดที่นั่งแบบนี้ครุจะไม่สามารถพูดคุ่ยกับนักเรียนเป็นการส่วนตัวได้<br />
การจัดที่นั่งครูไว้กลางห้อง การจัดเช่นนั้นเป็นการส่งเสริมบรรยากาศของการที่ครูมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก นักเรียนสามารถมายังโต๊ะครูได้ง่าย แต่การจัดที่นั่งเช่นนี้ครูไม่สามารถพูดคุ่ยกับนักเรียนเป็นการส่วนตัวได้<br />
การจัดที่นั่งครูไว้นอกห้องเรียน ทำให้เห็นว่าครูมีที่ทำงานเป็นการส่วนตัว ดังนั้นการพูดคุ่ยกับนักเรียนเป็นการเฉพาะจึงสามารถทำได้สะดวก แต่อาจมีปัญหาด้านการดูแลพฤติกรรมนักเรียน<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgXSa3OSg9GQBluP_QNwbJdpNpluEjzOuzUK4QNnK9AjBmyQkj-w6fV6gmO9Cc_8eL0vxIXmeo2KVvMwdNGNEbYqYUm0dxzi_M5RIUhVDBCxfgnbXkCK2_Hh5OxfuvAc-9-A3wjuTAIqH4/s1600-h/CILGUCA4B9USNCAPAG980CATT5TUSCAKIBUNFCANYBYGVCAZNH71ICA1SF6PLCANROWWGCA3C7XPQCAS7FO4OCAMXDCWYCAAN57QHCA802OQXCA7TXM9JCAFN9VCZCAQDA0LSCAYEZWGNCA5H9YO0.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436645635230936162" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgXSa3OSg9GQBluP_QNwbJdpNpluEjzOuzUK4QNnK9AjBmyQkj-w6fV6gmO9Cc_8eL0vxIXmeo2KVvMwdNGNEbYqYUm0dxzi_M5RIUhVDBCxfgnbXkCK2_Hh5OxfuvAc-9-A3wjuTAIqH4/s320/CILGUCA4B9USNCAPAG980CATT5TUSCAKIBUNFCANYBYGVCAZNH71ICA1SF6PLCANROWWGCA3C7XPQCAS7FO4OCAMXDCWYCAAN57QHCA802OQXCA7TXM9JCAFN9VCZCAQDA0LSCAYEZWGNCA5H9YO0.jpg" style="cursor: hand; float: left; height: 133px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 293px;" /></a><br />
การจัดตกแต่งห้องเรียน<br />
การจัดตกแต่งส่วนอื่นๆของห้องเรียน ได้แก่<br />
- การจัดมุมส่งเสริมความรู้ มุมอ่านหนังสือ<br />
- ศูนย์การเรียน<br />
- ป้ายนิเทศ<br />
<br />
การจัดห้องเรียนระดับประถมศึกษา<br />
การจัดมุมเสริมประสบการณ์ในห้องเรียน ประกอบด้วย มุมอ่านหนังสือ มุมเกม มุมวิทยาศาสตร์<br />
สิ่งสำคัญ คือ เป้นมุมที่มีกิจกรรมหรือแหล่งเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ในหลักสูตร เป็นมุมเสริมประสบการณ์หรือทักษะชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความรุ้ที่สัมพันธ์กับบทเรียน<br />
<br />
<br />
การจัดห้องเรียนระดับมัธยมศึกษา<br />
การจัดห้องเรียนระดับมัธยมศึกษา จัดเป็นห้องเรียนเฉพาะวิชา<br />
ห้องเรียนระดับมัธยม อาจมีมุมเสริมประสบการณ์ มุมอ่านเกมการศึกษา เป็นมุมที่จัดให้นักเรียนศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนเพิ่มเติมจากที่ครูสอน<br />
มีแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ สื่ออิเลคทรอนิค การสืบค้นทางอินเตอร์เนต</div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-26668116629891617162010-02-10T22:22:00.001+07:002010-02-11T10:32:30.859+07:00ใบงานที่ 9<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6nkJAzCGYSRZKa6_QrAV6MNEljG5SiGxDiutf1MDWlfiYviMvHxjxox-NCtkz_zHoB0mVU1RGdLn0N1VWVOREEOckJDDIR9X7OlO0eiileSq6SLAXsTWugrQV1TOBnOpTTNjOfYUS9LA/s1600-h/prayong%5B1%5D.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436640710857025074" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6nkJAzCGYSRZKa6_QrAV6MNEljG5SiGxDiutf1MDWlfiYviMvHxjxox-NCtkz_zHoB0mVU1RGdLn0N1VWVOREEOckJDDIR9X7OlO0eiileSq6SLAXsTWugrQV1TOBnOpTTNjOfYUS9LA/s320/prayong%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; float: left; height: 198px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 300px;" /></a><br />
<br />
<div align="left"><br />
</div><br />
<br />
<div align="left"><span style="color: #cc6600;">บุคคลที่คุณคิดว่าเป็นผู้นำในทัศนคติของคุณ</span><br />
<br />
<span style="color: #00cccc; font-size: 180%;">ปราชญ์ชาวบ้าน</span><br />
<span style="color: #6633ff;"><br />
<span style="font-size: 130%;">ประยงค์ รณรงค์</span></span><br />
<br />
<br />
ประวัติส่วนตัว<br />
วัน เดือน ปีเกิด วันที่ 24 สิงหาคม 2480 สถานที่เกิด บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 5 ต.นากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช บิดา มารดา นายห้วง นางแจ้ง รณรงค์ มีพี่น้องรวม 6 คน<br />
นายประยงค์ รณรงค์<br />
นายประยูร รณรงค์<br />
นางเกษร รัตนะ<br />
นายวิโรจน์ รณรงค์<br />
นายปรีชา รณรงค์<br />
นายเชาวลิต รณรงค์<br />
คู่สมรส ภรรยาชื่อ นางแนบ รณรงค์ มีบุตร ธิดา รวม 5 คน<br />
นายเนาวรัตน์ รณรงค์<br />
นายนรินทร์ รณรงค์<br />
นางจริยา โชคประสิทธิ์<br />
นายสาธิต รณรงค์<br />
นาวสาวสุนิสา รณรงค์<br />
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 51 หมู่ 9 ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช 80260 โทรศัพท์ 0819560865 อาชีพ อาชีพหลัก ทำสวนยางพารา อาชีพรอง ทำสวนผลไม้ (สวนสมรม) อาชีพเสริม เลี้ยงสัตว์ (ปลา,ไก่พื้นเมือง)<br />
การศึกษา<br />
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านนาเส ม.5 ต.นากะชะ อ.ฉวาง<br />
ประวัติการศึกษาและการศึกษาดูงาน<br />
-ศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ปี พ.ศ. 2528 เป็นเวลา 12 วัน<br />
-ศึกษาดูงานด้านสหกรณ์ อุตสาหกรรมชุมชน และเกษตรกรรม ในประเทศฝรั่งเศส – เยอรมนี - เบลเยี่ยม ในปี พ.ศ.2534 เป็นเวลา 30 วัน<br />
-ศึกษาดูงาน “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์” จังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ.2544 เป็นเวลา 4 วัน<br />
-ร่วมคณะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา ปี พ.ศ.4545 เป็นเวลา 3 วัน<br />
-ศึกษาดูงานในประเทศฟิลิปปินส์ ขณะเดินทางไปรับรางวัลรามอน แมกไซไซ ปี พ.ศ.2547 เป็นเวลา 7 วัน<br />
-ศึกษาดูงาน ณ ประเทศภูฏาน ปี พ.ศ.2549 เป็นเวลา 5 วัน <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYO217RtmyJtRRLnF6j8UWWGSkp38_M7z8nOeMW-Yd5vXsw8PT4pyCy00gU1wHcV2l7ca5o3rXe_GwCoQbnnmug6tZDNVOvykZPhHF8DQBmE5uWa3J0Xw1oC_D88lFUdkGJx97eoAo7Ug/s1600-h/00-09-54%5B1%5D.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436642248366551010" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYO217RtmyJtRRLnF6j8UWWGSkp38_M7z8nOeMW-Yd5vXsw8PT4pyCy00gU1wHcV2l7ca5o3rXe_GwCoQbnnmug6tZDNVOvykZPhHF8DQBmE5uWa3J0Xw1oC_D88lFUdkGJx97eoAo7Ug/s320/00-09-54%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; float: right; height: 240px; margin: 0px 0px 10px 10px; width: 320px;" /></a><br />
ผลงาน<br />
พ.ศ.2530 ผู้นำอาชีพก้าวหน้าของกระทรวงมหาดไทย<br />
พ.ศ.2537 คนดีศรีสังคม<br />
พ.ศ.2540 เป็นผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมไทย<br />
พ.ศ.2544 ได้รับการยกย่องเป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 1 ของ สกศ.<br />
ประสบการณ์การทำงาน<br />
ปี พ.ศ.2527 เป็นผู้นำการก่อตั้งกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางตำบลไม้เรียง<br />
ปี พ.ศ.2530 - 2534 เป็นผู้จัดการกลุ่มเกษตรทำสวนยางไม้เรียง<br />
ปี พ.ศ.2535 - 2547 เป็นประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางไม้เรียง<br />
ปี พ.ศ.2535 - ปัจจุบัน เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง<br />
ปี พ.ศ.2536 เป็นประธานเครือข่ายยมนา (ยาง,ไม้ผล,นาข้าว)<br />
ปี พ.ศ.2539 เป็นผู้นำจัดทำแผนแม่บทชุมชนไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช<br />
ปี พ.ศ.2540 เป็นผู้นำจัดทำแผนแม่บทการพัฒนายางพาราไทย ฉบับประชาชน<br />
ปี พ.ศ.2541 – 2545 เป็นกรรมการบริหารกองทุนเพื่อสังคม (SIF)<br />
ปี พ.ศ.2541 – 2547 เป็นประธานบริษัทเครือข่ายผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (วิสาหกิจชุมชน)<br />
ปี พ.ศ.2544 – 2546 เป็นกรรมการบริหารโครงการเกษตรกรรมยั่งยืน (DANCED)<br />
ปี พ.ศ.2544 – 2547 เป็นอนุกรรมการประสานงานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)<br />
ปี พ.ศ.2544 – ปัจจุบัน เป็นกรรมการบริหารวิทยาลัยการจัดการทางสังคม (วจส.)<br />
ปี พ.ศ.2546 – ปัจจุบัน เป็นกรรมการมูลนิธิหมู่บ้าน<br />
ปี พ.ศ.2547 – ปัจจุบัน เป็นกรรมการมูลนิธิสถาบันพัฒนาทรัพยากรชุมชน<br />
ปี พ.ศ.2548 เป็นประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยผู้นำชุมชนท้องถิ่น สำนักนายกรัฐมนตรี<br />
ปี พ.ศ.2549 ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คณะกรรมการสมานฉันท์)<br />
ปี พ.ศ.2549 ได้รับการแต่งตั้งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (กรรมาธิการการเกษตร ฯลฯ)<br />
<a name='more'></a><br />
ประวัติเกียรติคุณที่ได้รับ<br />
1.รางวัลผู้นำอาชีพก้าวหน้า โดยคณะกรรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ.2530<br />
2.รางวัลคนดีศรีสังคม โดยคณะกรรมการคัดเลือกคนดีศรีสังคม ปี พ.ศ.2537<br />
3.รางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ปี พ.ศ.2540<br />
4.รางวัลครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 1 โดยสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ปี พ.ศ.2544<br />
5.ปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (รัฐศาสตร์) ม</div><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436637571143554498" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhByVZ2qsSU3rQjMF9x3Cse2Tj2CWMgt7-VhL5DrRVO6dyULgdF-BBcuONTRHon2xANYhmMpSuH3yeyi8rPK7zkKVWNKHNQ0Ue2_tCV3Qmjo45TfC0uWhS3Cf61iUrShaM-vnzdwiswcM/s320/default%5B11%5D.jpg" style="cursor: hand; display: block; height: 198px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 269px;" />หาวิทยาลัยรามคำแหง<br />
6.รางวัลแมกไซไซ สา<br />
<br />
<div><br />
<br />
</div><br />
<br />
<div align="left"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhV22UpNX75YJ7BSGqH8H_4MM1Mg_DECiin6SxxEnYIKjn44mkvt8euJJJz5anlLu_JtcT-dkjiEP88e9VZ69VcjJ5i8W4uIKtAiBXZSWqsqUoPYdo4B1Hvo9aq0mS5qDwUD9XY0jYeJ2Q/s1600-h/uvs071212-003%5B1%5D.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436637073155136194" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhV22UpNX75YJ7BSGqH8H_4MM1Mg_DECiin6SxxEnYIKjn44mkvt8euJJJz5anlLu_JtcT-dkjiEP88e9VZ69VcjJ5i8W4uIKtAiBXZSWqsqUoPYdo4B1Hvo9aq0mS5qDwUD9XY0jYeJ2Q/s320/uvs071212-003%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; float: left; height: 214px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 320px;" /></a></div><br />
<br />
<div><br />
<br />
</div><br />
<br />
<div align="left">ขาผู้นำชุมชน จากมูลนิธิรามอน แมกไซไซ ประเทศฟิลิปปินส์ ปี พ.ศ.2547<br />
7.ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยทักษิณ ปี พ.ศ.2547<br />
8.ปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช<br />
9.ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เกษตรศาสตร์) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
10.ปริญญาพัฒนาชุมชนดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี พ.ศ.2548<br />
11.ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการชุมชน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปี พ.ศ.2548<br />
12.ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พัฒนาสังคม) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปี พ.ศ.2548<br />
13.ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เกษตรศึกษา)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ปี พ.ศ.2549<br />
14.ปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เกษตรศาสตร์) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปี พ.ศ.2549<br />
15.รางวัลบุคคลดีเด่นของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2549<br />
16.ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 48 ปี พ.ศ. 2549<br />
17.เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร ง ภ. ท ช.<br />
18.ปี 2552 รางวัล ปราชญ์ของแผ่นดิน สาขาพัฒนาชุมชนและเครือข่าย<br />
<br />
แนวคิดสำคัญ<br />
การพัฒนาอาชีพ ทำสวนยางพาราแนวคิด สวนยางพาราเป็นอาชีพหลักของคนภาคใต้และภาคตะวันออก แต่ระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาชาวสวนยางพารายังมีปัญหาความยากจนเหมือนกับเกษตรกรในภาคการผลิตอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากพ่อค้าที่รับซื้อผลผลิตไม่กี่ปีก็ร่ำรวย เพราะเกษตรกรทำเพียงขั้นตอนการผลิตซึ่งมีความสี่ยง เนื่องจากผลผลิตขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ ราคาขึ้นอยู่กับตลาดโลก ความมั่นคงขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐ ซึ่งเกษตรกรไม่สามารถกำหนดอะไรได้เลยวิธีทำ นำเสนอแนวคิด สรุปประสบการณ์ ทบทวนปัญหาตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน เพื่อวิเคราะห์อนาคต ก็พบว่าปัญหาอยู่ที่การจัดการ เพราะเกษตรกรได้มอบการจัดการให้ตกอยู่ที่คนอื่นทั้งหมด คือการกำหนดคุณภาพ กำหนดน้ำหนัก กำหนดราคา มอบให้พ่อค้าหรือผู้ซื้อเป็นผู้กำหนด จึงมีปัญหามาตลอดจากข้อสรุปข้างต้น จึงทำให้ชาวสวนยางที่ชุมชนไม้เรียงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งตัดสินใจร่วมกันที่จะวางแผนสร้างแนวทางแก้ปัญหาให้กับตัวเอง ตั้งแต่ระบบการผลิต การแปรรูป การจัดการด้านการตลาด โดยการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรทำสวนไม้เรียง สร้างโรงงานแปรรูปน้ำยางสด เป็นยางแผ่นอบแห้ง และยางแผ่นรมควัน ตามความต้องการของตลาดตั้งแต่ ปี พ.ศ.2527 จนถึงปัจจุบันเป้าหมาย เป็นการจัดการทรัพยากรของชุมชนเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มลดขั้นตอนที่เป็นภาระและค่าใช้จ่ายของเกษตรกรที่เป็นสมาชิก แก้ปัญหาต่าง ๆ ในการประกอบอาชีพ ใช้องค์กรเป็นเครื่องมือในการจัดการเพื่อการพึ่งตนเอง พึ่งพาอาศัยกันในระบบเครือข่าย<br />
การจัดการเรียนรู้ในชุมชน<br />
แนวคิด ชุมชนไม้เรียงได้พัฒนาอาชีพหลัก คือ การทำสวนยางพารา มีความก้าวหน้าจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่พบว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง เพราะวิถีชีวิตของคนในชุมชนไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหลายเรื่อง การแก้ปัญหาเรื่องยางอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ปัญหาอื่นหมดไปด้วย ปัญหาหลายเรื่องเกิดจากคนในชุมชนขาดความรู้ จึงไม่มีความสามารถในการการแก้ปัญหา ป้องกันปัญหา และพัฒนาสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ การทำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้จริง ปัญหาที่ตามมาคือความไม่สำเร็จ การล้มเหลวแต่ละครั้งทำให้เกิดเป็นหนี้เพิ่ม เกิดความท้อแท้ และหมดกำลังใจในที่สุดวิธีทำ จัดตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียงขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2535 เพื่อต้องการศึกษาวิจัยปัญหาและข้อขัดข้องต่าง ๆ ตลอดถึงสาเหตุ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จัดทำข้อมูลรายละเอียดที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์สถานการณ์ที่มีผลกระทบอยู่ในปัจจุบันเป้าหมาย เพื่อให้คนในชุมชนได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้และให้เขาได้เรียนรู้ในสิ่งที่ควรจะรู้เพราะพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นเพราะคนในชุมชนทำในสิ่งที่ตนเองยังไม่มีความรู้ จึงประสบกับปัญหาและขาดวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม ในที่สุดก็ไม่ประสบความสำเร็จศูนย์การศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียงจึงเน้นให้ทุกคนมีโอกาสได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการจะรู้ เพราะต้องรู้ในสิ่งที่ต้องการจะทำ และทำในสิ่งที่รู้แล้วเท่านั้นจึงจะสำเร็จ จึงทำให้ศูนย์การศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ขึ้น มีหลักสูตรที่หลากหลายตามความต้องการของผู้เรียน ด้วยการสร้างความร่วมมือกันหลายฝ่าย โดยศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียงเป็นฐานหลัก ร่วมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การศึกษานอกโรงเรียน ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร เทศบาลตำบลไม้เรียง มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยทักษิณ สำนักงานพลังงานแห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นต้น จัดการเสริมการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงระดับปริญญาตรี<br />
การจัดทำแผนแม่บทชุมชน<br />
แนวคิด จากประสบการณ์ที่ชุมชนได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนายางพาราไทย ซึ่งคิดว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะเป็นเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในกลุ่มอาชีพการทำสวนยาง ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง รู้จริง ทำได้จริง จึงมีความมั่นใจมากขึ้นแผนแม่บทชุมชนจึงเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ทำให้คนในชุมชนมาเรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้เรื่องตัวเอง เรียนรู้เรื่องผลกระทบจากภายนอก (เรียนรู้โลกภายนอก) ผลของการเรียนรู้ได้ข้อสรุป นำข้อสรุปมากำหนดเป็นแผนปฏิบัติเพื่อนำไปสู่เป้าหมายร่วมกัน มีแนวทางในก<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfeQw8x93Hpgji7sygMklBR9W0-6HXWfhzwUiNzvX_zaTjIemq_sNLi1WwxVVHTiTsoZhANXbM-5ysWU5uVzqcD2KX8yxFfO6lIVjWEVUk9Ja9ChXLt-2z6RJxxk60AMpOkzxOcjzPgUs/s1600-h/sm05%5B1%5D.jpg"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436636509260222914" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfeQw8x93Hpgji7sygMklBR9W0-6HXWfhzwUiNzvX_zaTjIemq_sNLi1WwxVVHTiTsoZhANXbM-5ysWU5uVzqcD2KX8yxFfO6lIVjWEVUk9Ja9ChXLt-2z6RJxxk60AMpOkzxOcjzPgUs/s320/sm05%5B1%5D.jpg" style="cursor: hand; float: right; height: 240px; margin: 0px 0px 10px 10px; width: 320px;" /></a>ารแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แนวทางป้องกันปัญหาที่คาดว่าจะขึ้นในอนาคต มีแนวทางในการพัฒนาให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นใหม่ในเวลาเดียวกันวิธีทำ เริ่มต้นจากการค้นหาผู้นำ ให้ได้ผู้นำที่ได้รับการยอมรับ อาจจะเป็นผู้นำที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ (ผู้นำธรรมชาติ) ที่สำคัญจะต้องเป็นบุคคลที่ชาวบ้านยอมรับนับถือ เป็นที่ปรึกษาของคนในชุมชนอย่างน้อยหมู่บ้านละ 5 คน มาเป็นคณะทำงาน จัดประชุมสัมมนาพูดคุย ทำความเข้าใจร่วมกัน แล้วไปช่วยกันขยายผลในหมู่บ้านของตนเอง พร้อมด้วยทำข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำมาวิเคราะห์ให้ได้ทิศทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายในการแก้ปัญหา ป้องกันปัญหา และการพัฒนาร่วมกัน เน้นการพึ่งตนเองเป็นหลักภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป้าหมาย ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า แผนแม่บทชุมชนคือเครื่องมือของการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชน ผลของการเรียนรู้ที่ได้ข้อสรุปร่วมกันคือเป้าหมายของการพัฒนา การมีแผน มีเป้าหมาย มีขั้นตอนที่ชัดเจน เป็นการป้องกันความอยากหรือความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมนุษย์ เพราะความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต ไม่มีเหตุผล การมีแผนคือมีเป้าหมาย มีเหตุผลรองรับทางความคิด มีเหตุผลของการตัดสินใจได้ข้อสรุปร่วมกัน ยอมรับร่วมกัน เพราะผลที่จะเกิดการพัฒนาเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอยู่ที่การนำแผนลงสู่การปฏิบัติ การยอมรับร่วมกันก็จะเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติ ผลการปฏิบัติจึงเกิดการแก้ปัญหา ป้องกันปัญหา และเกิดการพัฒนาในที่สุด จากการยอมรับในวงกว้างจึงผลักดันเป็นนโยบายได้<br />
การจัดองค์กรที่เหมาะสมของชุมชน<br />
แนวคิด การทำแผนแม่บทชุมชนเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และสามารถนำไปใช้ได้หลายระดับ เช่นในระดับครอบครัวก็ให้แต่ละครอบครัวได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในแผนฯ เพื่อนำไปแก้ปัญหาและพัฒนาที่ตรงกับความต้องการของแต่ละครอบครัว แต่ถ้าหากกิจกรรมใดที่ต้องร่วมกันทำก็มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างองค์กรขึ้นมาเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ร่วมกัน เพราะองค์กรของชุมชนที่จัดตั้งขึ้นโดยชุมชน เป็นเครื่องมือที่ดีที่ใช้แก้ปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าที่แต่ละครอบครัวจะแก้ได้วิธีทำ คำว่า “องค์กร” มีหลายระดับ แต่จะขอกล่าวถึงองค์กรของชุมชนไม้เรียงเป็นหลัก เฉพาะองค์กรของชุมชนไม้เรียงมีอยู่ 2 ระดับ คือ องค์กรบริหาร ซึ่งเป็นองค์กรใหญ่ที่ครอบคลุมกิจกรรมกว้างขวาง ทำหน้าที่บริหารอย่างเดียว เช่น “ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง” โดยมีกิจกรรมย่อยอยู่ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ฯ หลายกิจกรรม องค์กร “การจัดการ” ซึ่งเป็นองค์กรย่อยจัดการเฉพาะกิจกรรมโดยตรง เช่น กลุ่มเกษตรกรทำสวนไม้เรียง เป็นต้น องค์กรย่อยอาจจะมีรูปแบบการจัดการที่แตกต่างกันตามความเหมาะสม เช่น ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันรับประโยชน์ ร่วมกันรับผิดชอบ หรือบางองค์กรร่วมกันคิด ร่วมกันเรียนรู้ แยกกันทำ รวมกันขาย บางองค์กรก็ใช้วิธี ร่วมกันคิด ร่วมกันเรียนรู้ ร่วมกันลงทุน จ้างเขาทำ ร่วมกันใช้บริการ เป็นต้นเป้าหมาย ดังได้กล่าวแล้วว่า องค์กรคือเครื่องมือที่ใช้ในการบริหาร หรือใช้ในการจัดการ ฉะนั้นการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาก็ต้องเป็นองค์กรที่เหมาะสมกับกิจกรรมนั้น ๆ และต้องมีการจัดตั้งขึ้นตามความต้องการของชุมชน แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการกำหนดมาจากภายนอกให้มีการจัดตั้งขึ้น เพื่อรองรับกิจกรรม หรือรองรับงบประมาณ พอหมดงบประมาณกิจกรรมก็ต้องยกเลิกไป องค์กรก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ซึ่งไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นอีกต่อไปการวางระบบวิสาหกิจชุมชนแนวคิด จากการจัดทำแผนแม่บทชุมชน ซึ่งต้องมีการจัดเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมทุกด้านพบว่า เกษตรกรในชนบทเป็นผู้ครอบครองทรัพยากรมากมาย ที่เรียกว่าทุนของชุมชน แต่ก่อนคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า คำว่า “ทุน” หมายถึงเงินเท่านั้น แท้ที่จริงชุมชนมีทุนที่ไม่ใช่เงิน แต่คุณค่ามากกว่าเงินมากมาย เช่น ทุนที่เป็นทรัพยากร ผลผลิต ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางภูมิปัญญา และทุนทางสังคมอื่น ๆ อีกมากมาย น่าจะเป็นจุดแข็งของชุมชน แต่ปรากฏว่าชุมชนส่วนใหญ่ยังขาดส่วนที่สำคัญคือ “ความรู้ในการจัดการทุน” จึงทำให้คนภายนอกชุมชนเป็นเป็นผู้เข้ามาจัดการทุนของชุมชน ผลประโยชน์ก้อนใหญ่จึงไปตกอยู่กับคนภายนอกชุมชน คนในชุมชนหรือเกษตรกรเลยเป็นเพียงเครื่องมือทางธุรกิจตลอดมา วิสาหกิจชุมชน จะเป็นเครื่องมือของชุมชนที่จะใช้จัดการทุนของชุมชนโดยชุมชนเอง เพื่อการเพิ่มมูลค่าทรัพยากร เพื่อแก้ปัญหา เพื่อการพึ่งพาอาศัยกัน สร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกร กับองค์กรของชุมชน อย่างสร้างสรรค์และเป็นธรรมวิธีทำ จัดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชนให้ผู้ที่สนใจ ต้องการทำในระบบวิสาหกิจชุมชน มีความรู้ ความเข้าใจ การทำธุรกิจในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เรียนรู้การจัดองค์กร การสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน การคิดต้นทุน การวิเคราะห์สถานการณ์ การวิเคราะห์ตลาด การใช้ข้อมูลการใช้ประสบการณ์เสริมด้วยวิชาการ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงของกิจกรรมเป้าหมาย ความอยู่รอดของชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของทรัพยากรหรือทุนทางสังคมอื่นๆ ร่วมมือกันสร้างกระบวนการเรียนรู้ในการจัดการ ร่วมมือกันสร้างเครือข่ายสัมพันธ์กัน ไม่ว่าชุมชนชนบท หรือชุมชนเมืองต่างก็มีจุดอ่อนจุดแข็งกันคนละอย่าง การสร้างระบบให้เกิดความร่วมมือกันได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นธรรม จะสามารถพึ่งตนเองได้ พึ่งพาอาศัยกันได้ และอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ ความรู้ทั้ง 5 เรื่องดังกล่าวข้างต้นซึ่งได้จากประสบการณ์โดยการปฏิบัติจริง ผ่านการทดลองและขยายผลไปสู่พื้นที่และบุคคลกลุ่มต่าง ๆ แล้วได้รับการยอมรับว่าเป็นความรู้จริงใช้ได้ทั่วไป จึงได้บันทึกไว้เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ “รวมความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิด ของชุมชนไม้เรียง” เขียนโดย ประยงค์ รณรงค์ ซึ่งรวมความรู้ทั้ง 5 เรื่องไว้ในเล่มเดียวกัน พิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน 2546 สนับสนุนการจัดพิมพ์โดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) องค์การมหาชน มอบให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียงจำหน่าย เพื่อเป็นทุนดำเนินงานศูนย์เรียนรู้ชุมชนไม้เรียง เล่มที่ 2 ชื่อ “ประยงค์ รณรงค์ แมกไซไซ 2004” จัดพิมพ์โดย สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน,มูลนิธิหมู่บ้าน,มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต พิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือน สิงหาคม 2547 จำนวนหนึ่งมอบให้กับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียงจัดจำหน่าย สมทบทุนศูนย์เรียนรู้ชุมชนไม้เรียงสื่ออื่น ๆ</div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-14138160079303541862010-02-03T21:57:00.007+07:002010-02-12T01:29:38.947+07:00ใบงานที่ 8<div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvUwyvVVpvmaUzuVOzwqHl7JNvzdJkQ35dyB25shId0oN2Ivgd9pYh9zwqMBMpcrBVRYugZJoEDrow_52mQyPACBFS-ourg_3kQmdF6XuZNF8AlSbzSnvgH_ZvhJzBVTmtwNsxaJOsU6g/s1600-h/T240609_01P_r[1].gif"></a><br />
<br />
<div><br />
<div><span style="color: #000066;">ให้ผู้เรียนสรุปรายงานจากกลุ่มที่ 9-10-11-12 ลงในบล็อกของผู้เรียนอย่างย่อๆ<img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436631220550228626" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvUwyvVVpvmaUzuVOzwqHl7JNvzdJkQ35dyB25shId0oN2Ivgd9pYh9zwqMBMpcrBVRYugZJoEDrow_52mQyPACBFS-ourg_3kQmdF6XuZNF8AlSbzSnvgH_ZvhJzBVTmtwNsxaJOsU6g/s200/T240609_01P_r%5B1%5D.gif" style="cursor: hand; display: block; height: 158px; margin: 0px auto 10px; text-align: center; width: 281px;" /></span> <span style="color: #000066;">ตอบ </span><span style="color: #666666;">สรุปรายงานจากกลุ่มที่ 9 เรื่อง การเขียนโครงการและการบริหารจัดการโครงการเพื่อพัฒนานักเรียนและสถานศึกษา จึงสรุปได้คือ ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ หรือองค์กรเอกชนทั่วไป จะนิยมใช้การเขียนโครงการเป็นเครื่องมือในการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหา ดังนั้นบุคลากรในหน่วยงานทุกคน ควรมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถเขียนโครงการเพื่อเสนอของบประมาณได้ความหมายของโครงการ โครงการ คือเค้าโครงของกิจกรรมที่กำหนดไว้เพื่อพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาตามความต้องการของหน่วยงาน มีลักษณะเป็นแนวทางการดำเนินงานที่บอกถึงความเป็นมา วิธีหรือขั้นตอนการดำเนินงาน ทรัพยากรที่จะใช้ รวมถึงผลสำเร็จที่ต้องการให้เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้มีอำนาจอนุมัติ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมองเห็นภาพตลอดแนวและมีทิศทางในการดำเนินงานเดียวกันองค์ประกอบของโครงการ โครงการมีองค์ประกอบหลักๆ อยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนนำและส่วนโครงการ ซึ่งจะนำเสนอ ดังต่อไปนี้</span><br />
<span style="color: #666666;">1. ส่วนนำ ส่วนนำโครงการ เป็นส่วนที่เขียนเพื่อให้เข้าใจว่า โครงการนี้ชื่ออะไร มีลักษณะอย่างไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการเมื่อไร โดยปกติจะอยู่ส่วนต้นของการเขียนโครงการ ประกอบด้วย</span><br />
<span style="color: #666666;">1.1 ชื่อโครงการ การเขียนชื่อโครงการควรบอกได้ว่า จะทำอะไร ทำอย่างไร เรื่องอะไร กับใคร นิยมเขียนโดยขึ้นต้นด้วยคำนาม วิธีการ และตามด้วยเรื่องที่จะทำ เช่น “ การประชุมปฏิบัติการเขียนแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2552 ” เป็นต้น</span><br />
<span style="color: #666666;">1.2 แผนงบประมาณ เป็นการระบุที่มาของงบประมาณ ว่าโครงการนี้ ขอใช้งบประมาณในแผนใด เช่น “เงินงบประมาณ เงินอุดหนุน เงินนอกงบประมาณ ”</span><br />
<span style="color: #666666;">1.3 สนองกลยุทธ์ เพื่อให้ทราบว่า โครงการนี้ดำเนินงานตามกลยุทธ์ข้อใดของหน่วยงาน เช่น “กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาระบบบริหารจัดการของโรสงเรียนให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ”</span><br />
<span style="color: #666666;">1.4 ผู้รับผิดชอบโครงการ ให้ระบุชื่อ สกุลของผู้รับผิดชอบโครงการ โดยจะระบุตำแหน่งด้วยหรือไม่ก็ได้ เช่น “นางแก้ว กัลยาณี หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม”</span><br />
<span style="color: #666666;">1.5 หน่วยงานที่รับผิดชอบ ควรระบุ ถึงระดับงาน เช่น “งานแผนงาน โรงเรียนเตรียมอุดม ศึกษาพัฒนาการดอนคลัง”</span><br />
<span style="color: #666666;">1.6 ลักษณะของโครงการ โดยทั่วไปจะมี 2 ประเภท ได้แก่</span><br />
<span style="color: #666666;">1.6.1 โครงการใหม่ คือโครงการที่จัดทำขึ้นใหม่ ในปีนั้น และสามารถดำเนินการได้เสร็จภายในปีงบประมาณเดียว</span><br />
<span style="color: #666666;">1.6.2.โครงการต่อเนื่อง คือโครงการที่มีลักษณะต่อเนื่องจากปีที่แล้วมา อาจเป็นโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ในปีเดียว หรือโครงการที่ต้องต่อยอดขยายผลไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ก็ได้ เช่น “ปีที่ผ่านมาอบรมอาสมาสมัครป้องกันยาเสพติด สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีงบประมาณนี้ขยายผลโดยใช้รูปแบบและวิธีการเดิมกับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นต้น” หรือ “โครงการ 1อำเภอ 1โรงเรียน ในฝัน ที่มีการดำเนินงานเป็นช่วง ๆ เป็นต้น”</span><br />
<span style="color: #666666;">1.7 ระยะเวลาในการดำเนินงาน อาจเป็นระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนี้</span><br />
<span style="color: #666666;">1.7.1 ปีงบประมาณ นับตั้งแต่ 1 ตุลาคม ของปีนั้น จนถึง 30 กันยายน ของปีถัดไป</span><br />
<span style="color: #666666;">1.7.2 ปีการศึกษา นับตั้งแต่ วันที่ 16 พฤษภาคม ของปีนั้น จนถึงวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป</span><br />
<span style="color: #666666;">2.ส่วนโครงการเป็นส่วนที่กล่าวถึง เนื้อหาของการจัดทำโครงการ ประกอบด้วย</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1 หลักการและเหตุผล ควรบอกถึงความเป็นมา เหตุผลความจำเป็นที่จะต้องจัดทำโครงการนี้ ซึ่งอาจมาจาก</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1.1 นโยบายของรัฐ นโยบายของหน่วยเหนือ หรือนโยบายของหน่วยงานเอง</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1.2 ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1.3 สภาพปัญหา</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1.4 ความต้องการในการพัฒนาควรเขียนให้กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ประมาณ 15-25 บรรทัด และสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจและเห็นความสำคัญของการจัดทำโครงการได้ นิยมเขียนโดยภาพกว้างก่อน เช่น นโยบาย หรือปัญหา แล้วจึงลงมา ถึงตัวโครงการ</span><br />
<span style="color: #666666;">2.2 วัตถุประสงค์ เป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดของโครงการ ผู้อนุมัติโครงการจะพิจารณาความเหมาะสมของหัวข้อนี้เป็นพิเศษ ต้องเขียนให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ มีความเป็นไปได้ วัดได้ เช่น “ เพื่อให้คณะครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการดอนคลัง สามารถใช้เครือข่ายสารสนเทศ สำหรับการเรียนการสอนได้”</span><br />
<span style="color: #666666;">2.3 เป้าหมาย ปัจจุบันนิยมเขียนโดยระบุปริมาณหรือคุณภาพที่ต้องการขั้นต่ำ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของ จำนวน ร้อยละ หรือระดับคุณภาพ เช่น “จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการใช้เครือข่ายสารสนเทศเพื่อการศึกษา ให้กับคณะครูโรงเรียนบ้านเปียงหลวง จำนวน 20 คน” หรือ “คณะครูโรงเรียน บ้านเปียงหลวง อย่างน้อยร้อยละ 80 สามารถใช้ระบบเครือข่ายในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนได้ในระดับดี” เป็นต้น</span><br />
<span style="color: #666666;">2.4 กิจกรรม / ระยะเวลา มีรูปแบบการเขียนหลายแบบ อยู่ที่ว่าผู้เขียนโครงการจะเลือกใช้แบบใด เช่น ตาราง แบ่งเป็นข้อ แต่จะต้องแสดงกิจกรรม ขั้นตอน ระยะเวลา การทำงานตามลำดับ ให้เห็นว่าจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง เมื่อไร ผู้รับผิดชอบในแต่ละรายกิจกรรมคือใครไว้อย่างชัดเจน เพราะการเพิ่ม ลด งบประมาณจะพิจารณาเป็นรายกิจกรรม ดังนั้นจึงไม่ควรเขียนขั้นตอนหรือกิจกรรมที่กว้างเกินไป เช่น</span><br />
<span style="color: #666666;">“1. เสนอโครงการ 2.อนุมัติโครงการ 3. ดำเนินการตามโครงการ 4.สรุปรายงานผล” เพราะการเขียนเช่นนี้จะไม่สามารถพิจารณาได้ว่าโครงการมีกิจกรรมอะไรบ้างเหมาะสมหรือไม่เพียงใด</span><br />
<span style="color: #666666;">2.5 งบประมาณ ต้องบอกรายละเอียดของการใช้งบประมาณแต่ละรายการให้ชัดเจนถูกต้อง เช่น ค่าห้องประชุม กี่วัน วันละเท่าไร ค่าอาหารว่าง หรืออาหารกลางวัน กี่คน กี่วัน คนละเท่าไร ค่าเอกสารกี่เล่ม เล่มละเท่าไร รวมแล้วทั้งหมดเป็นงบประมาณที่จะขอใช้เท่าใด และต้องแยกรายการงบประมาณให้ถูกต้องตามหมวดค่าใช้จ่ายด้วย ได้แก่- ค่าตอบแทน เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าเบี้ยประชุมกรรมการ ค่าอาหารทำการนอกเวลา เป็นต้น- ค่าใช้สอย เช่น ค่าจ้างเหมาบริการ เช่น อาหารว่าง อาหารกลางวัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ เช่น เบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ค่าที่พัก เป็นต้น- ค่าวัสดุ เช่น วัสดุที่ใช้ในการฝึกอบรม และใช้ในการประชุม เช่น กระดาษ กรรไกร กาว แฟ้มเอกสาร เป็นต้น</span><br />
<span style="color: #666666;">2.6 การประเมินผล เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ทราบว่าโครงการประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด องค์ประกอบของการประเมินผล มีดังนี้- ตัวชี้วัดความสำเร็จ เป็นตัวตอบคำถามว่าจะวัดความสำเร็จของโครงการจากอะไร เช่น จำนวน ร้อยละ หรือเวลา เช่น “ร้อยละของคณะครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการที่สามารถใช้เครือข่ายสารสนเทศได้ในระดับดี” เป็นต้น- วิธีการ ใช้วิธีการใดในการประเมินผลโครงการ เช่น การสำรวจความคิดเห็น การสังเกต การทดสอบ เป็นต้น- เครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้ควรสอดคล้องกับวิธีการ เช่น แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสำรวจความพึงพอใจ แบบสังเกต แบบทดสอบ เป็นต้น</span><br />
<span style="color: #666666;">2.7 ผลที่คาดว่าจะได้รับ ต้องเขียนให้เห็นว่าจากการทำโครงการนี้จะมีผลประโยชน์ใดเกิดขึ้นบ้าง อาจเป็นผลในเชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ หรือผลลัพธ์ก็ได้ เช่น “เมื่อคณะครูโรงเรียนบ้านเปียงหลวงใช้เครือข่ายสารสนเทศในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนแล้วจะสามารถยกระดับคุณภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้นได้”ลักษณะของโครงการที่ดี1. ต้องสอดคล้องและสนองต่อแผนกลยุทธ์ของหน่วยงาน2. กระชับ ไม่เยิ่นเย้อควรอยู่ระหว่าง 3-7 หน้า</span><br />
<span style="color: #666666;">3. ใช้ภาษาที่เป็นทางการและเข้าใจได้ง่าย</span><br />
<span style="color: #666666;">4. มีความเป็นไปได้</span><br />
<span style="color: #666666;">5. วัดและประเมินผลได้</span><br />
<span style="color: #666666;">6. มีองค์ประกอบครบถ้วน</span><br />
<span style="color: #666666;">7. ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ</span><br />
<span style="color: #666666;">8. คุ้มค่า</span><br />
<span style="color: #666666;">9. แก้ไขปัญหาได้จริง</span><br />
<span style="color: #666666;">10. สำเร็จตามเวลาที่กำหนดจากการทำแผนปฏิบัติการของโดยทั่ว ๆ ไป มักพบจุดอ่อนหลาย ประการ เช่นการกำหนดวัตถุประสงค์มักพบว่ามีหลายข้อ จนตรวจสอบได้ยากว่ากิจกรรมใด หรือ ขั้นตอนใด จะบรรลุวัตถุประสงค์ใดการกำหนดเป้าหมายมักพบว่าเป็นเป้าหมายที่วัดความสำเร็จไม่ได้ หรือวัดได้ยากขั้นตอนการดำเนินงานมักเป็นแผนปฏิบัติการ เพื่อไปวางแผนปฏิบัติการอีกทอดหนึ่งกล่าวคือ แผนปฏิบัติการ จะนำเอากระบวนการ P-D-C-Aไปเขียนเป็น ขั้นตอนการปฏิบัติการ เช่น1. ขออนุมัติโครงการ2. วางแผนปฏิบัติการ3. ปฏิบัติการตามแผน 4. สรุปรายงาน เป็นต้นการกำหนดวันปฏิบัติการมักพบว่าเป็นการกำหนดเวลาอย่างกว้างๆ เช่น “ตลอดภาคเรียน” หรือ “ตลอดปี” จนไม่ชัดเจนว่าจะทำอะไร เมื่อไรการกำหนดผู้รับผิดชอบ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ หมายเลข 1 เพราะระบุว่า “กลุ่มสาระ.......”หรือ “งาน.............”หากจะสรุปสภาพโดยรวมของแผนปฏิบัติการของโรงเรียนโดยทั่วไป ก็คือ ยังหย่อนความเป็นระบบระเบียบ และความชัดเจน แนวปฏิบัติในการพัฒนาแผนปฏิบัติการของโรงเรียนเพื่อให้แผนปฏิบัติการของโรงเรียน เป็นแผนปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีตัวชี้วัดคุณภาพ ดังนี้</span><br />
<span style="color: #666666;">1. เป็นแผนปฏิบัติการที่อยู่ในกรอบกลยุทธ์ ที่มั่นใจแล้วว่าจะผลสำเร็จตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน</span><br />
<span style="color: #666666;">2. เป็นแผนปฏิบัติการที่ไม่มีจุดอ่อนทั้ง 5 ประการ ดังกล่าวข้างต้น</span><br />
<span style="color: #666666;">3. เป็นแผนปฏิบัติการที่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วว่า จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพ ตามมาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนหรือ นำไปสู่การแก้ปัญหา พัฒนาการเรียนการสอนสำหรับการบริหารจัดการโครงการเพื่อพัฒนานักเรียนและสถานศึกษา ควรมีนั้นคือภารกิจพัฒนาโรงเรียน</span><br />
<span style="color: #666666;">1. ด้านบุคลากร- ปรับกระบวนทัศน์บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย- พัฒนาครูและผู้บริหารการศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">2. ด้านพัฒนางานวิชาการ- พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา- การจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม- พัฒนาสื่อการเรียนรู้</span><br />
<span style="color: #666666;">3. ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ</span><br />
<span style="color: #666666;">4. ด้านโครงสร้างและการบริหารจัดการ</span><br />
<span style="color: #666666;">5. ด้านการปรับปรุงสภาพแวดล้อมภูมิทัศน์สิ่งที่โรงเรียนต้องการพัฒนา</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1 พัฒนาครู ให้เป็นผู้มีความรู้ และสามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร ( ICT ) , E-Learning และส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่าง ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข</span><br />
<span style="color: #666666;">2.2 พัฒนาระบบการจัดการข้อมูล สารสนเทศ การใช้ข้อมูลต่างๆ ที่เอื้อต่อการทำงานของบุคลากร และการบริหารจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (SBM)</span><br />
<span style="color: #666666;">2.3 พัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา รู้จักแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอันจะก่อให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร ( ICT ) , E-Learning</span><br />
<span style="color: #666666;">2.4 พัฒนาโรงเรียน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นที่ยอมรับ ศรัทธา และเป็นต้นแบบของโรงเรียนอื่นและชุมชน</span><br />
<span style="color: #666666;">2.5 สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ ที่เข้มแข็งของผู้ปกครองและชุมชน</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUANeckz7lTY5i0TT2mYFB7qAQ-q2ljUnGYIKN9qR4TvA_ilD8Pcqxv6mTWjKJd5DEpIhq88jN4-zlrd-ZSHfbHpJFU1k5eZWX6q9Y5lWBPr1pZ5ujDjAZRNNvX8jDcCpOI_xAAwXo_Ik/s1600-h/T220110_05P[1].gif"><span style="color: #666666;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436661438269966322" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUANeckz7lTY5i0TT2mYFB7qAQ-q2ljUnGYIKN9qR4TvA_ilD8Pcqxv6mTWjKJd5DEpIhq88jN4-zlrd-ZSHfbHpJFU1k5eZWX6q9Y5lWBPr1pZ5ujDjAZRNNvX8jDcCpOI_xAAwXo_Ik/s320/T220110_05P%5B1%5D.gif" style="cursor: hand; float: left; height: 209px; margin: 0px 10px 10px 0px; width: 304px;" /></span></a><br />
<br />
<span style="color: #000066;">สรุปรายงานจากกลุ่มที่ 10 เรื่องการวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา</span><br />
<br />
1. <span style="color: #666666;">แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาคืออะไรแผนพัฒนาคุณภาพศึกษาเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับชุมชน โดยคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทที่จะกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยจัดทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสถานศึกษาจะดำเนินงานตามข้อตกลงที่กำหนดร่วมกันนั้น</span><br />
<span style="color: #666666;"><a name='more'></a></span><br />
<span style="color: #666666;">2. แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาจัดทำขึ้นเพื่ออะไร</span><br />
<span style="color: #666666;">1) เพื่อวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและบรรลุตามมาตรฐานที่กำหนดไว้</span><br />
<span style="color: #666666;">2) เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม สนับสนุน ส่งเสริม การดำเนินงานจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้</span><br />
<span style="color: #666666;">3) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้ตรงต่อความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน</span><br />
<span style="color: #666666;">4) เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้แนวทางในการเรียนรู้และสามารถกำหนดบทบาทของตนเองได้ถูกต้อง</span><br />
<span style="color: #666666;">3. ประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">1) ชุมชนและผู้ปกครองมั่นใจว่าสถานศึกษามีแผนและดำเนินการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ และให้ความร่วมมือ ส่งเสริม สนับสนุนอย่างเต็มใจ</span><br />
<span style="color: #666666;">2) สถานศึกษามีการดำเนินงานตามแผนอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด</span><br />
<span style="color: #666666;">3) สถานศึกษาจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนได้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน</span><br />
<span style="color: #666666;">4) ผู้เรียนแสดงบทบาทในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองจนมีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม ตามที่หลักสูตรและสังคมต้องการ</span><br />
<span style="color: #666666;">4. สาระสำคัญในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้1) ภาพรวมของสถานศึกษา (School Profile) เป็นการนำเสนอข้อมูลโดยสังเขป เพื่อแสดงความเป็นมา สภาพปัจจุบันเป็นการนำเสนอข้อมูลโดยสังเขป และทิศทางในอนาคตของสถานศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">1.1) ข้อมูลทั่วไปของชุมชน ได้แก่ สภาพทางภูมิศาสตร์การศึกษา การประกอบอาชีพ เศรษฐกิจ การปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ฯลฯ</span><br />
<span style="color: #666666;">1.2) ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">1.3) โครงสร้างการบริหารของสถานศึกษา แผนภูมิการบริหาร พร้อมทั้งบทบาทหน้าที่</span><br />
<span style="color: #666666;">1.4) โครงการสร้างการจัดการศึกษา ได้แก่ หลักสูตรกิจกรรมที่ใช้ในการจัดการศึกษา กลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการ และการมีส่วนร่วมการบริหารจัดการของชุมชน</span><br />
<span style="color: #666666;">1.5) มาตรฐานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">2) ทิศทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ที่จะมุ่งมั่นสู่ความเป็นเสิศในการจัดการศึกษาให้แก่ชุมชน ซึ่งประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้</span><br />
<span style="color: #666666;">2.1) วิสัยทัศน์ (Vision) เป็นเจตนารมณ์หรือความตั้งใจที่กว้างๆ ครอบคลุมทุกภารกิจของสถานศึกษา มุ่งการคิดไปข้างหน้า แสดงถึงความคาดหวังในอนาคต ข้อความ วิสัยทัศน์ จะสื่อถึงอุดมการณ์ หลักการ ความเชื่อ และอนาคตที่พึงประสงค์ของสถานศึกษาและชุมชน ข้อความวิสัยทัศน์จะต้องมีความชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ของสถานศึกษา การเขียนวิสัยทัศน์ที่ดีให้คำนึงว่าจะสามารถสร้างความศรัทธาและจุดประกายความคิดให้แก่ผู้ปฏิบัติได้</span><br />
<span style="color: #666666;">2.2) ภารกิจหรือพันธกิจ (Mission) เป็นข้อความที่แสดงเจตนารมณ์และวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์</span><br />
<span style="color: #666666;">2.3) เป้าหมายของสถานศึกษา (School Goals) เป็นข้อความที่ระบุผลลัพธ์ปลายทางที่สถานศึกษาจะดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จ ในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาการกำหนดเป้าหมายเพื่อให้ภารกิจที่กำหนดมีความเป็นไปได้และมีความชัดเจนยิ่งขึ้น สถานศึกษาจะต้องกำหนดเป้าหมายที่ครอบคลุมด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการของสถานศึกษา เช่น ในด้านผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ด้านหลักสูตร และการเรียนการสอน สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ การจัดองค์กร การพัฒนาวิชาชีพ และการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาของชุมชน เป็นต้นเป้าหมายที่กำหนดในระดับนี้ เป็นผลลัพธ์ปลายทางที่สถานศึกษาคาดหวังจะบรรลุภายในช่วงเวลาที่กำหนด ลักษณะการเขียนยังเป็นผลลัพธ์กว้างๆ</span><br />
<span style="color: #666666;">3) แผนปฏิบัติการ เป็นแผนที่กำหนดกิจกรรมที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระยะที่กำหนด แผนปฏิบัติการประกอบด้วย สังเขป รายละเอียดของกิจกรรม หรือขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ผู้รับผิดชอบแต่ละกิจกรรมหรือขั้นตอนการปฏิบัติ กรอบเวลา งบประมาณ และแหล่งงบประมาณรูปแบบการเขียนนิยมใช้ตารางซึ่งจะช่วยให้เห็นความเชื่อมโยง ตั้งแต่เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ มาตรฐาน ที่เป็นจุดเน้นของการพัฒนา วิธีการประเมินผล ตัวบ่งชี้ความสำเร็จ ผู้รับผิดชอบ กรอบเวลา งบประมาณในแต่ละกิจกรรม</span><br />
<span style="color: #666666;">4) การระดมทรัพยากร ในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาจะต้องแสดงให้เห็นถึงแหล่งสนับสนุนงบประมาณและสรุปงบประมาณในแผนพัฒนาคุณภาพ ซึ่งจะต้องบอกจำนวนงบประมาณที่จะต้องใช้ในแต่ละปี และแหล่งที่สถานศึกษาจะสมารถระดมทรัพยากรและสนับสนุนงบประมาณได้</span><br />
<span style="color: #666666;">5) การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่าย และแหล่งวิทยาการภายนอก เพื่อสนับสนุนทางวิชาการ เพื่อการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ซึ่งควรจะต้องเขียนไว้ในแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยขั้นตอนการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">1. สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับบุคลากรในสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนทราบ</span><br />
<span style="color: #666666;">2. สถานศึกษา ศึกษาทบทวน วิเคราะห์ความเป็นมา สภาพปัจจุบัน ปัญหา จัดเตรียมข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา</span><br />
<span style="color: #666666;">3. สถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา (รวมถึงผู้แทนจากชุมชน) ประชุมวางแผนร่วมกันเพื่อกำหนดเป้าหมายของสถานศึกษา และแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษาในช่วงเวลาที่กำหนด</span><br />
<span style="color: #666666;">4. สถานศึกษาจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นลายลักษณ์อักษรโดยผ่านการยอมรับร่วมกันจากคณะกรรมการสถานศึกษา (ซึ่งมีผู้แทนจากชุมชนร่วมด้วย)</span><br />
<span style="color: #666666;">5. ประกาศแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บุคลากรในสถานศึกษาและบุคลากรทั่วไป (ในชุมชน) ทราบแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา มิได้กำหนดตายตัวว่ารอบระยะเวลาของแผนจะครอบคลุมกี่ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถานศึกษาหรือนโยบายของต้นสังกัดที่จะกำหนดกรอบระยะเวลาได้ตามความเหมาะสมและวิถีการปฏิบัติของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ซึ่งอาจจัดทำเป็นแผน 1 ปี หรือ 2-3 ปีก็ได้</span><br />
<br />
<span style="color: #000066;">สรุปรายงานจากกลุ่มที่ 11</span><br />
<br />
<span style="color: #666666;">เรื่องการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา“การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพ” โดยชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการปฏิรูปการศึกษา จึงจำ เป็นที่จะต้องปรับปรุงการผลิตและพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในการปฏิรูปการศึกษา โดยจะต้องสร้างความเข้าใจแก่ผู้บริหารสถานศึกษาในเรื่องต่างๆ เช่น ระบบการศึกษาไทย การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาการบริหารการศึกษา การออกแบบและการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษา หลักธรรมาภิบาล ความรู้และทักษะพื้นฐานของผู้บริหารการศึกษา และวิชาชีพผู้บริหาร เป็นต้นในการปฏิรูปการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯได้นิยามคำ ว่า “ผู้บริหารสถานศึกษา” ไว้ 2 นิยาม คือ ผู้บริหารการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่นๆ อีกหลายอาชีพ แต่ที่กล่าวถึงกันมากคือ ผู้บริหาร</span><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIN8wqXDA9OoxBqTLR0VORGRz-4SNkDPPYXJCLT00vWGVwL72G7OtgzUHs4XLZUVzt_tTlhPv4duXtrNd8ETnxRVkbcy4fcnIT6ajLbdcJniLot1vqqUe5P1pO5UNyFE8dm6u7JMsZ_ls/s1600-h/T191009_12C_r[1].gif"><span style="color: #666666;"><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436630904530512674" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIN8wqXDA9OoxBqTLR0VORGRz-4SNkDPPYXJCLT00vWGVwL72G7OtgzUHs4XLZUVzt_tTlhPv4duXtrNd8ETnxRVkbcy4fcnIT6ajLbdcJniLot1vqqUe5P1pO5UNyFE8dm6u7JMsZ_ls/s200/T191009_12C_r%5B1%5D.gif" style="cursor: hand; float: right; height: 157px; margin: 0px 0px 10px 10px; width: 291px;" /></span></a><br />
<span style="color: #666666;">สรุปรายงานจากกลุ่มที่ 12</span><br />
<span style="color: #666666;"><br />
</span><br />
<span style="color: #666666;">เรื่องการประเมินคุณภาพการศึกษา การประเมินคุณภาพการศึกษา เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการตรวจสอบคุณภาพการศึกษา แต่จะเน้นการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย/คณะ/วิทยาลัย กับตัวบ่งชี้คุณภาพในทุกองค์ประกอบของคุณภาพว่า การดำเนินงานเป็นไปตามเกณฑ์และมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดมากน้อยเพียรไร โดยจัดเป็นระดับของการบรรลุเป้าหมาย</span><br />
<span style="color: #666666;">3.1 หลักการประเมินคุณภาพเนื่องจากการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของอุดมศึกษาเป็น</span><br />
<span style="color: #666666;">เรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเพื่อความอยู่รอด การพัฒนา และความสามารถในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของประเทศ เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาดังกล่าวข้างต้นอย่างต่อเนื่องก็คือ การประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งต้องครอบคลุมทั้งการประเมินคุณภาพภายนอกสถาบันอุดมศึกษา และการประกันคุณภาพภายในของสถาบันอุดมศึกษาการประเมินคุณภาพภายนอก มีหลักการสำคัญ 5 ประการ ดังต่อไปนี้1) เป็นการประเมินเพื่อมุ่งให้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการ ตัดสิน การจับผิด หรือการให้คุณ - ให้โทษ2) ยึดหลักความเที่ยงตรง เป็นธรรม โปร่งใส มีหลักฐานข้อมูลตามสภาพความเป็นจริง ( Evidence - base ) และมีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (Accountability)3) มุ่งเน้นในเรื่องการส่งเสริมและประสานงานในลักษณะกัลยาณมิตรมากกว่าการกำกับควบคุม4) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการประเมินคุณภาพและการพัฒนาการจัดการศึกษาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง5) มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างเสรีภาพทางการศึกษากับจุดมุ่งหมายและหลักการศึกษาของชาติตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 โดยให้เอกภาพเชิงนโยบาย แต่ยังคงมีความหลากหลายในทางปฏิบัติที่สถาบันสามารถกำหนดเป้าหมายเฉพาะและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เต็มตามศักยภาพของสถาบันและผู้เรียน3.2 แนวทางในการประเมินภายใน1) การประเมินภายในเริ่มด้วยการศึกษาตนเองของมหาวิทยาลัย / คณะ / วิทยาลัยที่รับผิดชอบ2) ประเมินตามภารกิจหลักทั้ง 4 ประการ ของมหาวิทยาลัย / คณะ / วิทยาลัย3) ผู้บริหาร / คณาจารย์ และนักศึกษา มีส่วนร่วมในการประเมิน4) ประเมินเพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น3.2 แนวทางในการประเมินภายใน 1) การประเมินภายในเริ่มด้วยการศึกษาตนเองของมหาวิทยาลัย / คณะ / วิทยาลัยที่รับผิดชอบ2) ประเมินตามภารกิจหลักทั้ง 4 ประการ ของมหาวิทยาลัย / คณะ / วิทยาลัย3) ผู้บริหาร / คณาจารย์ และนักศึกษา มีส่วนร่วมในการประเมิน4) ประเมินเพื่อปรับปรุงคุณภาพการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น3.3 วัตถุประสงค์การประเมินคุณภาพวัตถุประสงค์ทั่วไป1) เพื่อให้ทราบระดับคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาในการดำเนินภารกิจด้านต่างๆ2) เพื่อกระตุ้นเตือนให้สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาการศึกษา และประสิทธิภาพการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง3) เพื่อให้ทราบความก้าวหน้าของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษา4) เพื่อรายงานสถานภาพและพัฒนาการในด้านคุณภาพและมาตรฐานของสถาบันอุดมศึกษาต่อสาธารณชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวัตถุประสงค์เฉพาะ1) เพื่อตรวจสอบยืนยันสภาพจริงในการดำเนินงานของสถาบันอุดมศึกษาและประเมินคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ตามกรอบแนวทางและวิธีการที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษากำหนด และสอดคล้องกับระบบการประกันคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด2) เพื่อให้ได้ข้อมูลซึ่งช่วยสะท้อนให้เห็นจุดเด่น - จุดที่ควรพัฒนาของสถาบันอุดมศึกษา เงื่อนไขของความสำเร็จ และสาเหตุของปัญหา3) เพื่อช่วยเสนอแนะแนวทางปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาแก่สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัด4) เพื่อส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษามีการพัฒนาคุณภาพและประกันคุณภาพภายในอย่างต่อเนื่อง5) เพื่อรายงานผลการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน3.4 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1) เกิดการพัฒนาคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ระดับมาตรฐานสากล2) การใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการของสถาบันอุดมศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ3) การบริหารจัดการสถาบันอุดมศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล อันจะทำให้การผลิตบัณฑิตทุกระดับ การสร้างผลงานวิจัย และการให้บริการวิชาการ เกิดประโยชน์สูงสุด และตรงกับความต้องการของสังคมและประเทศ4) นักศึกษา ผู้ปกครอง ผู้จ้างงาน และสาธารณชนมีข้อมุลสำหรับการตัดสินใจที่ถูกต้องและเป็นระบบ5) สถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานบริหารการศึกษา และรัฐบาลมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นระบบในการกำหนดนโยบาย วางแผน และบริหารจัดจัดการ</span><br />
<span style="color: #666666;"><br />
</span><br />
<span style="color: #666666;"><br />
</span><br />
<span style="color: #666666;"><br />
</span></div><br />
<div></div></div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-78139180111086530142010-02-03T21:57:00.001+07:002010-02-11T00:09:05.341+07:00ใบงานที่ 7<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhG3Tw_JQ4KVv0T09EV-w8It3LcEw0RqdUIK56bUeMXs2Z4cQWcGc0OW_XP5TYOJHBJpsmJVl69_UMyu35DWwFBaJ2zwsWX0j29X8FjMoyOv2VOreZKFtgRUZhI0Ts5HbhsKpvkiiazH4Q/s1600-h/T180909_02C_r%5B1%5D.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436661965535075810" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 293px; CURSOR: hand; HEIGHT: 194px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhG3Tw_JQ4KVv0T09EV-w8It3LcEw0RqdUIK56bUeMXs2Z4cQWcGc0OW_XP5TYOJHBJpsmJVl69_UMyu35DWwFBaJ2zwsWX0j29X8FjMoyOv2VOreZKFtgRUZhI0Ts5HbhsKpvkiiazH4Q/s320/T180909_02C_r%5B1%5D.gif" border="0" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2ONaiLdFDbq4YUfPju-cjdteOqp6Pe7C-z4HZDIMBDzoUhsJrQ_HjLg1TuRB5ueaihUGYkjbSQbU-gXTKY_mGsahcATXHz-X1acMwLZo36LmDwY3eaLj8xLwdJ7-EUVSi4lsdDYpxfXKg/s1600-h/CAEBQNAT.jpg"></a><br />ใบงานที่ 7 การตกแต่งเวบบอร์ดให้สวยงามและน่าสนใจ<br /><a name="more"></a>1.การใส่ปฏิทินในเวบบอร์ด<br />- ค้นหาโค้ดปฏิทินจากเวบgoogle พิมพ์คำว่า code ปฏิทิน<br />- เลือกเวบที่เกี่ยวข้องเลือก รูปแบบปฏิทินที่ชอบแล้ว copy code<br />- เปิดบล็อกของตนเองเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน2.การใส่นาฬิกา<br />- ค้นหาโค้ดนาฬิกาจากเวบgoogle พิมพ์คำว่า code นาฬิกา<br />- เลือกเวบที่เกี่ยวข้องเลือก รูปแบบนาฬิกาที่ชอบแล้ว copy code<br />- เปิดบล็อกของตนเองเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน3.การทำสไลด์<br />- เข้าwww.slide.com เพื่อสมัครสมาชิก<br />- เข้าสู่ระบบ โดยการใส่ username และ password ที่ได้สมัครไปข้างต้น<br />- เมื่อเข้าสู่ระบบแล้วคลิ๊กสร้างการแสดงภาพสไลด์ จากนั้นไปที browse เพื่อเพิ่มรูปภาพที่ต้องการ ซึ่งภาพนี้อาจอยู่ในเครื่องคอมพวิเตอร์ของท่านหรือจากเวบที่ท่านทำการฝากรูปไว้ ทำการ upload รูป<br />- ปรับตกแต่งให้สวยงามตามความต้องการโดยเลือกรูปแบบ หลากหลาย ขนาด เอ๊ฟเฟกต่างๆ ตามใจชอบ เมื่อเลือกได้ตามที่ต้องการ ให้บันทึก เพื่อรับรหัส code จากนั้น copy code ที่ได้ไปวางไว้ในส่วนของบทความใหม่ หรือใน Gadget ก็ได้. เสร็จแล้ว คลิ๊ก บันทึก เพื่อยืนยันเกร็ดเล็กๆน้อยๆ....หากท่านเข้าเวบwww.slide.comแล้วพบว่าเป็นภาษาอังกฤษ อย่างเพิ่งตกใจ ให้เลื่อนเม้าส์ไปด้านล่างจะมีเมนูให้ท่านเปลี่ยนภาษาได้ .....4. การปรับแต่งสีใน blog<br />- เปิด blog ของตัวเอง เข้าไปในส่วนของ รูปแบบ จากนั้น คลิ๊ก แบบอักษรและสี สามารถเลือกปรับแต่งสี ในส่วนต่างๆของหน้า blog เมื่อเลือกเสร็จให้คลิ๊ก บันทึกการเปลี่ยนแปลงเพื่อยืนยันเกร็ดเล็กๆน้อยๆ หากท่านเปลี่ยน template ของบล็อก การปรับแต่งสีเป็นสิ่งสำคัญ5. การใส่เพลง - เข้าเวบ<br />http://happyvampires.gmember.com/home.php?1402 - เลือกเพลงที่ชื่นชอบ copy embed เพื่อนำ code ที่ได้ไปวางไว้ในบล็อกตนเอง- เข้าบล็อกตนเอง ไปวางในส่วนของบทความใหม่<br /><br /><div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-81330387350323967782010-02-03T21:44:00.000+07:002010-02-10T23:50:35.796+07:00ใบงานที่ 6<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrBF5Ys7bmwpN4uFnisgJzvO15i9gnk6sXap5Iu-Y0wIuPLsFJmWbgU6ymXEmqRm2i-aDTM1DrOy49K_j3PxnEb1-Oepgficc5MfsK9s56xZyub3dv9_II23kAvSv89dxevx2fsx6CcOQ/s1600-h/T110909_06P%5B1%5D.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436658102767710370" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 386px; CURSOR: hand; HEIGHT: 339px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrBF5Ys7bmwpN4uFnisgJzvO15i9gnk6sXap5Iu-Y0wIuPLsFJmWbgU6ymXEmqRm2i-aDTM1DrOy49K_j3PxnEb1-Oepgficc5MfsK9s56xZyub3dv9_II23kAvSv89dxevx2fsx6CcOQ/s320/T110909_06P%5B1%5D.gif" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-cM3wt0rK1O2R1TlPizOU2V0y-2Y-3_RCL0OHmcr3HYYX1l-3f2FSeu99Cr58KhO3XXze2DrRUssel2xcEiJVLq305miZj_fD9opRJt_UcPSxfF49_yDSgDMDq_ytBFbk_YSaIRiKbkg/s1600-h/o_dp_070727%5B1%5D.png"></a><br /><br /><div><span style="color:#000066;">ให้นักศึกษาศึกษาวัฒนธรรมองค์กรจากเอกสารและในInternet แล้วแสดงความคิดเห็นในประเด็น</span><br /><span style="color:#000066;">ดังนี้</span><br /><span style="color:#000066;">1.ความหมายวัฒนธรรมองค์กร คืออะไร</span><br /><span style="color:#000066;">ตอบ</span> จากความหมายของคำว่า “วัฒนธรรม” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายว่าหมายถึง “พฤติกรรมและสิ่งที่คนในหมู่ผลิต สร้างขึ้นด้วยกัน เรียนรู้จากกันและกัน และร่วมใช้อยู่ในหมู่พวกของตน”<br />ดังนั้นวัฒนธรรมองค์กรก็คือ พฤติกรรมที่สร้างขึ้นจากคนในองค์กรโดยมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และยึดถือปฏิบัติกันมาจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในองค์กรนั้น ๆ<br /><span style="color:#000066;">2.ทำไมหากเราไปเป็นครูสอนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เราควรจะศึกษาอะไรบ้างที่จะทำให้อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข</span><br /><span style="color:#000066;">ตอบ</span> เพราะการใช้ชีวิตในเเต่ละภาคย่อมมีความเเตกต่างกันไป แต่สำหรับสามจังหวัดภาคใต้เราควรมีลักษณะที่จะมีศึกษา ดังนี้<br />1.ศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลศาสนาที่ประชาชนในที่นั้นนับถือ<br />2.ศึกษาลักษณะอาชีพส่วนใหญ่ในพื้นที่<br />3.ศึกษาประเพณี วัฒนธรรมที่มีในพื้นที่<br />4.ศึกษาภาษาและวัฒนธรรมความเป็นอยู่<br /><span style="color:#000066;">3.รูปแบบวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมเกิดขึ้นได้อย่างไร</span><br /><span style="color:#000066;">ตอบ</span> การที่จะทำให้เกิดวัฒนธรรมของการทำงานเป็นทีมได้นั้นเราต้องมีหลักดังต่อไปนี้<br />1.รับฟังมุมมองที่แตกต่าง ไม่อคติ มีใจเป็นกลาง มีเหตุผล ไม่คิดว่า ความคิดของตนเองถูกแล้ว ดีแล้วเสมอ ไม่คิดว่า ความคิดของคนอื่นผิด หรือ ผิดทั้งหมดเสมอ ไม่พูดจาหรือแสดงออกที่เป็นการดูถูกผู้อื่น<br />2.ไม่ตีกรอบการทำงานของตัวเอง แต่จะพิจารณาถึงเป้าหมาย / หลักการ ถ้าเป็นการเพิ่ม Performance ให้กับตัวเองและส่วนรวม จะลองเอาไปคิดและทำดู<br />3.ทุกคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นยอมรับและหาวิธีการที่ผสมผสานให้เกิดประโยชน์สูงสุด<br />(ไม่เอาแพ้ – ไม่เอาชนะกัน)<br />4.ไม่หนีปัญหา แต่จะจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหา<br />5.ไม่คิดว่า เคยทำอย่างไรมา ก็จะต้องทำอย่างนั้นตลอดไป โดยไม่ดูข้อมูลหรือ ปัจจัยที่เปลี่ยนไป (ไม่ใช่อะลุ่มอล่วยด้วยความรู้สึกเห็นใจ) หากทีมใดกลุ่มใดมีหลักการข้างต้นแล้วจะทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีและทำให้การทำงานเป็นทีมนั้นประสบความสำเร็จ<br /><span style="color:#000066;">4.การเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร</span><br /><span style="color:#000066;">ตอบ </span>การเรียนรู้นับว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญของการจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการเรียนรู้ในองค์การมีความแตกต่างจากการเรียนรู้ในระบบการศึกษาที่เป็นทางการ เป็นการเรียนรู้ของผู้ใหญ่และเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งแนวคิดและหลักการของการเรียนรู้เกี่ยวกับองค์การที่สำคัญมีดังนี้<br />1.แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ การเรียนรู้ ( learning ) หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องอันเนื่องมาจากการฝึกหัดหรือประสบการณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งอย่างที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ<br />2.หลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ทฤษฎีการเรียนการสอนของผู้ใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าผู้ใหญ่แต่ละคนเป็นผู้ซึ่งมีวุฒิภาวะที่สมบูรณ์ ทฤษฎีดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเชื่อ4ประการ คือ• มโนทัศน์ของผู้เรียน ( Concept of the Learner )• บทบาทของประสบการณ์ของผู้เรียน ( Roles of Learners Experience )• ความพร้อมที่จะเรียนรู้ ( Readiness to Learn )• การนำไปสู่การเรียนรู้ ( Orientation to Learning )<br />3.ประเภทของการเรียนรู้ประเภทของการเรียนรู้สามารถจำแนกประเภทของการเรียนรู้ออกได้เป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ คือ<br />1. การเรียนรู้โดยการจำ เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนพยายามจะรวบรวมหรือเก็บเนื้อหาสาระจากสิ่งที่ต้องการจะเรียนให้ได้มากที่สุด<br />2. การเรียนรู้โดยการเลียนแบบ เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดนที่ผู้เรียนพยายามลอกเลียนแบบ หรือกระทำตามต้นแบบที่ตนเห็นว่าดีหรือเป็นประโยชน์แก่ตน<br />3.การเรียนรู้โดยการหยั่งรู้ ขั้นตอนของการเรียนรู้ประเภทนี้จะเดขึ้น 3 ขั้นดังนี้• ผู้เรียนมองเห็นหรือมีปฏิกิริยาต่อส่วนรวมของสถานการณ์ทั้งหมดก่อน• ผู้เรียนแยกแยะส่วนรวมเพื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของส่วนย่อยนั้นๆ• ผู้เรียนเกิดความเข้าใจสถานการณ์นั้นอย่างแจ่มแจ้งเรียกว่า เกิดการหยั่งรู้ ( insight )<br />4.การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก เป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนพยายามใช้ทางเลือกหลายๆ ทางเพื่อแก้ปัญหาหรือสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้น<br />5.การเรียนรู้โดยการสร้างมโนคติ การเรียนรู้โดยการสร้างความคิดรวบยอดนั้นเกิดจากการทีผู้เรียนมองเห็นลักษณะรวมของสิ่งนั้นก่อน ต่อจากนั้นจึงพิจารณาลักษณะเฉพาะของสิ่งนั้นต่อไป</div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-12580539631166144252010-01-28T09:04:00.001+07:002010-02-12T01:24:45.398+07:00ใบงานที่ 5<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv8-mJgYgYKWXFS2SEqK2IbXTtoj8i3_XHE2V9n9y9Eb2DcQFLZ4HFmw9XgbIcIfomDg2yVW2kEQEW_tD5nIvChwrmzR7eb85ElnEq2Pc-_0YR2vMhQdAFJxcxeevUsFvt6Nrv5qrzzHk/s1600-h/T010909_01P[1].gif"><span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong><img alt="" border="0" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436657818374389314" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiv8-mJgYgYKWXFS2SEqK2IbXTtoj8i3_XHE2V9n9y9Eb2DcQFLZ4HFmw9XgbIcIfomDg2yVW2kEQEW_tD5nIvChwrmzR7eb85ElnEq2Pc-_0YR2vMhQdAFJxcxeevUsFvt6Nrv5qrzzHk/s320/T010909_01P%5B1%5D.gif" style="cursor: hand; float: right; height: 307px; margin: 0px 0px 10px 10px; width: 371px;" /></strong></span></a><br />
<div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3GSRuc6o6fjLZjqV3Hd4olzqmsBaFP2knPEOk0n-c1mASarLoRF-Vy9WygQLX-9gRYqbugO1bW4hSC73jOu8TFvKxceQkiVSU0EnbkamwerlUzM4GHlV6HSHFkSHUR4mrISInoiUrzHc/s1600-h/poke_cal200805_1024[1].jpg"><span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong></strong></span></a><br />
<br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong></strong></span><br />
<div><span style="color: blue; font-family: inherit;">ท่านจะนำประเด็นต่อไปนี้ไปใช้ในการเป็นครูที่ดีได้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ</span></div><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"></span><br />
<br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"></span><br />
<div><span style="color: blue; font-family: inherit;"><span style="color: black;">1.การอยู่ร่วมกันในหอพักนักศึกษา<br />
ตอบ</span> การอยู่หอพักของนักศึกษาเป็นการฝึกการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น เพราะในแต่ละหอพักนั้นจะมีจำนวนนักศึกษาที่แตกต่างกัน และอยู่รวมกันหลายคณะ ดังนั้นการอยู่ในหอพักจึงทำให้เราต้องฝึกความอดทนและฝึกการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ฝึกการอยู่ในกฎระเบียบของกฎของหอพัก ฝึกการตรงต่อเวลาเพราะแต่ละหอจะต้องมีการประชุมหอพักด้วย ฝึกความสามัคคีกันภายในหอพัก ฝึกการมีน้ำใจและเสียสละแก่ผู้อื่น ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี เพราะแต่ละหอจะมีประธารหอพักและคณะกรรมการหอพัก ดังนั้นการอยู่หอพักจึงฝึกหลายหลายด้านให้กับนักศึกษา</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">ตัวอย่างเช่น</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">- นำการตรงต่อเวลาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของหอพักไปปรับใช้กับการเข้าสอนให้ตรงเวลา หรือตรวจงานของนักเรียนให้ตรงเวลา</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">- นำการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีไปปรับใช้กับการเป็นข้าราชการที่ของประเทศ หรือเป็นลูกน้องที่ดีของผู้อำนวยการ</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">- นำการมีน้ำใจและเสียสละไปใช้ในการช่วยเหลือเพื่อนคณะครูด้วยกันภายในโรงเรียนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">- นำการอยู่ร่วมกันในหอพักไปใช้ในการอยูร่วมกันในเพื่อนร่วมงานหรือชุมชนและสังคมภายนอก</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><span style="color: black;">2.การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม<br />
ตอบ</span> การทำงานเป็นกลุ่มเป็นการฝึกการทำงานเป็นทีมที่สมาชิกทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฝึกความรับผิดชอบ เพราะแต่ละคนต้องรับผิดชอบในภาระงานที่ได้รับมอบหมายและทำงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด ฝึกการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี ฝึกการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ฝึกการให้อภัยซึ่งกันและกัน ฝึกความสามัคคีภายในกลุ่ม เป็นต้น</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">ตัวอย่างเช่น</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">_ นำการทำงานเป็นกลุ่มไปใช้ในการทำงานร่วมกันกับเพื่อนรวมงานที่เป็นคุณครูด้วยกัน</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">_ นำการทำงานเป็นกลุ่มไปปรับใช้กับการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีของผู้บังคับบัญชา</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">_ นำการทำงานเป็นกลุ่มไปปรับใช้กับการรับผิดชอบต่อภาระงาน ที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าจะเป็นงานสอนก็ต้องสอนให้ครบชั่วโมง หรือสอนให้เต็มความสามารถ หรืองานเกี่ยวกับบริหารจัดการภายในโรงเรียน ก็ต้องทำให้เต็มที่ตามงานที่ได้รับมอบหมาย</span><br />
<br />
<span style="color: blue;"><span style="color: black; font-family: inherit;">3.หากเราทะเลาะกันจะนำหลักการมนุษยสัมพันธ์ไปใช้ได้อย่างไร</span><span style="font-family: inherit;"><span style="color: black;">ตอบ</span> หากเราทะเลาะกันเราควรนำหลักในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปใช้และฝึกฝนใช้อยู่เป็นประจำ ได้แก่ -สร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่น รู้จักเข้าใจ และเห็นใจความรู้สึกของผู้อื่น</span></span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;">-ใช้การสื่อวารที่มีประสิทธิภาพ รู้จักสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ฝึกการเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดีและไม่ลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกของผู้ฟังด้วย -แสดงความมีน้ำใจรู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้และรับ -ให้เกียรติผู้อื่นอย่างจริงใจ รู้จักยอมรับในความสามารถของผู้อื่น -แสดงความชื่นชมให้กำลังใจซึ่งกันและกันและรู้จักการแสดงออกให้เหมาะสมตามวาระโอกาส ถ้าเรานำหลักการดังนี้ไปใช้แล้ว เราและคนที่เรารู้จักจะไม่เกิดการทะเลาะกันหรือถ้าทะเลาะกันแล้ว แต่นำหลักการนี้ไปใช้ก็จะทำให้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นเช่นเดิมได้อย่างแน่นอน</span><br />
<br />
<span style="color: black; font-family: inherit;">4.แนวคิดเชิงบวกเป็นอย่างไร</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><span style="color: black;">ตอบ</span> คือความคิดในทางที่ดี เป็นการมองโลกในแง่ดีเมื่อเจอเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะร้ายแรงหรือไม่ จะเกี่ยวกับเราหรือไม่เราก็ต้องมองสิ่งนั้นในทางที่ดีไว้ก่อน หรือถ้าเป็นปัญหาเราก็ต้องคิดว่ามีทางแก้ไขมีทางออกจะทำให้เราเป็นคนมีความคิดในเชิงบวกส่งผลให้จิตใจและพฤติกรรมที่แสดงออกเป็นในทิศทางบวกด้วย</span><br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong></strong></span><br />
<br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong></strong></span><br />
<br />
<span style="color: blue; font-family: inherit;"><strong></strong></span></div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-45445451072134636842010-01-28T08:34:00.000+07:002010-02-10T23:19:30.079+07:00ใบงานที่ 4<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOPxRTulYlFYkkDaxB7_5vLCtauQPndNBjPuQt3dM2dPKYW1JSQLgsWQMD_0evulWPCKssgwumX9aP-k5ARAAkade0glJm5GbCPawJL2VC4dctyLBipbbcE_4_hCIm46d_fBXDsa5827A/s1600-h/T271109_01C_r[1].gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436531356507381442" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 234px; CURSOR: hand; HEIGHT: 238px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOPxRTulYlFYkkDaxB7_5vLCtauQPndNBjPuQt3dM2dPKYW1JSQLgsWQMD_0evulWPCKssgwumX9aP-k5ARAAkade0glJm5GbCPawJL2VC4dctyLBipbbcE_4_hCIm46d_fBXDsa5827A/s200/T271109_01C_r%5B1%5D.gif" border="0" /></a><br /><br /><div><div><div><div><div><div><div><div><div><strong><span style="color:#000066;">ให้นักศึกษาอธิบายในประเด็นดังนี้</span></strong><br /></div><div><strong><span style="color:#000066;">1.หลักการของการทำงานเป็นทีมควรเป็นอย่างไร</span></strong><br /><strong><span style="color:#000066;">ตอบ</span></strong> 1.มีอดุมการณ์ที่แน่นอน และสมาชิกทุกคนยอมรับ<br />2.ยึดมั่นในความถูกต้อง<br />3.ใช้หลักการประนีประนอม<br />4.มีสำนึกในสัดส่วนการปฏิบัติงาน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน<br />5.ถือว่าทุกคนมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน<br />6.เคารพในสิทธิและเสรีภาพส่วนตัวของสมาชิกในกลุ่ม<br />7.ถือหลักไม่มุ่งเอาเด่นคนเดียว แต่ต้องดีร่วมกันเป็นทีม<br />8.รู้จักมองปัญหาให้เป็นเรื่องธรรมดา<br />9.เปิดใจให้กว้างระหว่างกัน<br />10.ถือหลักการให้อภัยระหว่างกันเสมอ<br />11.รู้จักแบ่งงานและประสานงาน<br />12.มีความเป็นอิสระในการทำงานพอสมควร<br />13.ถือการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ อย่างเคร่งครัดเสมอ<br />14.ยอมรับผิดเมื่อทำผิด<br />15.ยึดถือเสียงส่วนใหญ่<br /><br /><br /><strong><span style="color:#000066;">2.มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การทำงานเป็นทีมประสบผลสำเร็จ<br /></span><span style="color:#000066;">ตอบ</span></strong> 1. บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ ทุกคน ช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย </div><div>2. ความไว้วางใจกัน (Trust) เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน</div><div>3. มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน </div><div>4. บทบาท(Role) สมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ เป็นต้น </div><div>5. วิธีการทำงาน (Work Procedure) สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ </div><div>5.1 การสื่อความ (Communication) การทำงานเป็นทีมอาศัยบรรยากาศ การสื่อความที่ชัดเจนเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ</div><div>5.2 การตัดสินใจ (Decision Making) การทำงานเป็นทีมต้องใช้การตัดสินใจร่วมกัน เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจแล้ว สมาชิกย่อมเกิดความผูกพันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น </div><div>5.3 ภาวะผู้นำ (Leadership) คือ บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานเป็นทีมควรส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไม่ใช่ผลัดกันเป็นหัวหน้า) เพื่อให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ จะได้รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมนั้นมีความหมาย ปรารถนาที่จะทำอีก </div><div>5.4 การกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ร่วมกัน </div><div>6. การมีส่วนร่วมในการประเมินผลการทำงานของทีม ทีมงานควรมีการประเมินผลการทำงาน เป็นระยะ ในรูปแบบทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินผลงาน ทำให้สมาชิกได้ทราบความก้าวหน้าของงาน ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการปรับปรุงแก้ไขร่วมกัน ซึ่งในที่สุดสมาชิกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด 7. การพัฒนาทีมงานให้เข้มแข็ง</div><div>7.1 พัฒนาศักยภาพทีมงาน ด้วยการสร้างแรงจูงใจทางบวก สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการจัดกิจกรรมสร้างพลังทีมงาน เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ</div><div>7.2 การให้รางวัล ปัจจุบันการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะพิจารณาผลการทำงานเป็นรายบุคคล ดังนั้นระบบรางวัลที่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม คือ การที่ทุกคนได้รางวัลอย่างยุติธรรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมในลักษณะที่ว่างอยู่บนพื้นฐานการให้รางวัลกับกลุ่ม (Group base reward system)<br /><br /><span style="color:#000066;"><strong>3.ในฐานะที่ท่านเป็นครูท่านจะนำวิธีการทำงานเป็นทีมไปประยุกต์ใช้กับการสอนได้</strong><br /></span><span style="color:#000066;"><strong>ตอบ</strong></span> ในฐานะที่กระผมเป็นครูในอนาคตนั้นกระผมก็จะนำเอาการทำงานเป็นทีมไปประยุกต์กับการสอนโดยจะให้นักเรียนร่วมกันทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งในแต่และกลุ่มก็จะมีทั้งคนเก่งและคนอ่อนคละกันจะทำให้ครูสามารถมองเห็นภาพ “เพื่อนช่วยเพื่อน”เกิดขึ้นมากยิ่งขึ้น ทำให้เพื่อนด้วยกันเกิดความสามัคคีในกลุ่มเพื่อนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังฝึกให้เรียนเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดีด้วย โดยรูปแบบการสอนจะให้แต่ละกลุ่มช่วยกันระดมความคิดในการทำงานในแต่ละครั้ง และจะให้แต่ละกลุ่มเลือกหัวน้ากลุ่ม พร้อมกับตำแหน่งต่างๆ ตามความเหมาะสมของกลุ่ม หรือมตามมติกลุ่ม ซึ่งงานแต่ละครั้งก็จะให้นำเสนอผลงานของกลุ่ม พร้อมกับประเมินผลงานของกลุ่มตนเองและกลุ่มเพื่อนด้วย และก่อนสอบก็จะจัดให้มีการติวกันทั้งแบบติวกันภายในกลุ่มและแบบข้ามกลุ่ม </div></div></div></div></div></div></div></div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-48672443561247789092010-01-28T08:25:00.000+07:002010-02-11T00:01:46.825+07:00ใบงานที่ 3 มนุษยสัมพันธ์ในองค์การ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggxmRTA0Qi9f57OEo1fvqBMGWx7kOmqlN57TC5WC-JCrgkNfYVz-tx0oLkNuGo8FyLfl_2v0LPZlWqp1mZpZgiE7CYqc_EWYjk1P2o1NETC3fu_0MY5ave_ZpPe41EcJeTn7XM1gnOgaw/s1600-h/loveT160609_06C%5B1%5D.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436661074390461938" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 252px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggxmRTA0Qi9f57OEo1fvqBMGWx7kOmqlN57TC5WC-JCrgkNfYVz-tx0oLkNuGo8FyLfl_2v0LPZlWqp1mZpZgiE7CYqc_EWYjk1P2o1NETC3fu_0MY5ave_ZpPe41EcJeTn7XM1gnOgaw/s320/loveT160609_06C%5B1%5D.gif" border="0" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjJcr_YrVZYeSfVDInkNL1-XMTn0O7tJHsEOy4K6tAjgH2YO8bHxD9jmp17wvvpC3Kj4DRTb6ncdwlpMe_72pZPva5Goah67I8wkke7ZQtwhj2jKNZpP4crBqdRzpl1JyGijxVqqVRWMW0/s1600-h/pokemon%25206%5B1%5D.jpg"></a><br /><br /><div><strong><span style="color:#000066;">1.ความหมายองค์และองค์การ</span></strong><br /><span style="color:#000066;"><strong>ตอบ</strong></span> องค์กร(Organ) หมายถึง บุคคล คณะบุคคล หรือสถาบันซึ่งเป็นส่วนประกอบของหน่วยงานใหญ่ที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กันหรือขึ้นต่อกัน เช่น คณะรัฐมนตรีเป็นองค์กรบริหารของรัฐ สภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรของรัฐสภา ในบางกรณี องค์กร หมายความรวมถึงองค์การด้วยส่วนประกอบย่อยของหน่วยใหญ่ที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กัน หรือขึ้นต่อกันและกัน<br />องค์การ(Organization) หมายถึง การเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมที่ร่วมประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยศูนย์รวมกลุ่มบุคคลหรือ กิจการที่ประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยงานเดียวกัน เพื่อดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย หรือตราสารจัดตั้ง ซึ่งอาจเป็นหน่วยงานของรัฐ เช่น องค์การของรัฐบาล หน่วยงานเอกชน เช่น บริษัทจำกัด สมาคม หรือหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ สรุป องค์กรเป็นส่วนหนึ่งขององค์การ<br /><strong><span style="color:#000066;">2.องค์ประกอบของการสื่อสาร<br /></span><span style="color:#000066;">ตอบ</span> </strong>การสื่อสารจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน องค์ประกอบที่สำคัญในการสื่อสารที่สำคัญมีด้วยกัน 4 ประการ หากขาดองค์ประกอบใดประการใดประหนึ่ง การสื่อสารจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย องค์ประกอบดังกล่าว มีดังนี้<br />1. แหล่งสารหรือผู้ใส่รหัสสาร หมายถึง บุคคล หรือหน่วยงานที่เป็นผู้สร้างสาร หรือเป็นแหล่งกำเนิดของสาร แล้วส่งสารนั้นไปยังบุคคลอื่น หรือยังหน่วยงานอื่นด้วยวิธีการใด<br />วิธีการหนึ่ง<br />2. ผู้รับสารหรือผู้ถอดรหัส ในกระบวนการสื่อสารบุคคลที่เป็นแหล่งสารและบุคคลที่เป็นผู้รับสารมีความคลายคลึงกันมาก ทั้งสองฝ่ายจึงผลัดกันรับและส่งสาร<br />3. สาร หมายถึงสิ่งที่เป็นผลิตผลของผู้ส่งสาร เช่น มือเราพูด คำพูดก็จะเป็นสาร และหากเราเขียน งานที่เขียนก็คือสาร<br />4.ช่องทางการสื่อสาร<br /><br /><strong><span style="color:#000066;">3.การสื่อสารมีช่องสื่อสารอย่างไรบ้าง<br /></span><span style="color:#000066;">ตอบ</span></strong> การสื่อสารจำแนกช่องสื่อสารได้หลายแขนงต่างๆ ดังนี้<br />1. จำแนกตามพาหะของสาร ได้แก่ คลื่นแสง คลื่นเสียง<br />2. จำแนกตามสื่อสาธารณชน ได้แก่ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และเวทีการแสดง<br />วิธีการจำแนกอีกวิธีหนึ่ง คือ จำแนกตามประสิทธิภาพการรับรู้ โดยผู้ส่งสารจะเป็นผู้พิจารณาจะใช้สื่อแบบใดจึงจะเหมาะสม<br /><span style="color:#000066;"><strong>4.วัตถุประสงค์ของการสื่อสารมีอะไรบ้าง</strong></span><br /><strong><span style="color:#000066;">ตอบ</span></strong> วัตถุประสงค์ของการสื่อสารสามารถสรุปได้ดังนี้<br />1.เพื่อแจ้งให้ทราบหรือเพื่อทราบ หมายถึง การสื่อสารที่ผู้ส่งสารจะแจ้ง หรือบอกกล่าวข่าวสาร ข้อมูล เหตุการณ์ ความคิด ความต้องการของตนให้ผู้รับได้ทราบ </div><br /><br /><div>2.เพื่อสอนหรือให้การศึกษา หมายถึง การสื่อสารที่มุงจะให้ผู้รับมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้านองค์ความรู้ ความคิด สติปัญญา ฉะนั้นจึงมุ่งไปที่การเรียนการสอน หรือการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ โดยเฉพาะ </div><br /><br /><div>3.เพื่อสร้างความพอใจหรือให้ความบันเทิง หมายถึง การสื่อสารที่มุ่งให้เกิดผลทางจิตใจหรืออารมณ์ ความรู้สึกแก่ผู้รับสาร ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ส่งสารมีข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้รับสาร และมีกลวิธีนำเสนอเป็นที่พอใจ<br />4.เพื่อเสนอหรือชักจูงใจ มุ่งเน้นให้ผู้รับสารมีพฤติกรรมคล้อยตาม หรือยอมรับปฏิบัติตาม<br /><strong><span style="color:#000066;">5.ในฐานะที่เป็นนักศึกษาครูจะนำวิธีการสื่อสารไปใช้ได้อย่างไร<br /></span><span style="color:#000066;">ตอบ </span></strong>ในปัจจุบันกระผมก็เป็นนักศึกษาครูคนหนึ่งซึ่งสามารถนำวิธีการสื่อสารไปใช้ในชีวิตต่างมากมาย อาทิ การสอน การสื่อสารระหว่างกลุ่มเพื่อนด้วยกัน การสื่อสารระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ผู้สอนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับข่าวสาร หรือเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนเพื่อให้ความบันเทิงหรือเพื่อชักจูงใจ ผู้รับสารด้วยกัน ทั้งนี้ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ของการสื่อสารนั้น<br />ในระยะเวลาอันครั้งนี้กระผมก็ต้องไปเป็นคุณครูซึ่งจะต้องเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้กับนักเรียนดังนั้นการจะพูดจะสอนอะไรแต่ละอย่างนั้นก็ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบเสียก่อน เพื่อจะทำให้สิ่งที่พูดออกไปนั้นเป็นประโยชน์มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดการสื่อสารก็เป็นหัวใจของการสอนเช่นกัน</div><br /><br /><div></div><br /><br /><div></div></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-83829750645758501672010-01-28T08:05:00.000+07:002010-02-11T00:18:17.633+07:00ใบงานที่ 2 เรื่อง ภาวะผู้นำในการบริหารการศึกษา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMywhNc7w5WDYibKyK4mIJkL94PDjxLYOwQold26Qc44-c7sJ5kWcEjYwZsV6T5NYlGK_BrBvQE9EYC6CKyz3uqIyfUiQPkIcIrumbKahqp_BYblm9SDTSQ-MMDvblAWR7JgGnpH9f2QE/s1600-h/T151209_02P_r[1].gif"><strong><span style="color:#3333ff;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436524869108916194" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 254px; CURSOR: hand; HEIGHT: 199px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjMywhNc7w5WDYibKyK4mIJkL94PDjxLYOwQold26Qc44-c7sJ5kWcEjYwZsV6T5NYlGK_BrBvQE9EYC6CKyz3uqIyfUiQPkIcIrumbKahqp_BYblm9SDTSQ-MMDvblAWR7JgGnpH9f2QE/s200/T151209_02P_r%5B1%5D.gif" border="0" /></span></strong></a><strong><span style="color:#3333ff;"><br /></span></strong><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjf_1tQxUNr5DQXGpMJNoSRlPhuZUNtKLytNObOIMIUTkOAl3Nour0cRcCfR473SrdgeVqHKTV3GwDKn_r2h5rdAfxSaSURsN317M4oYoi81ZbwZfQNWJ2oD9c8XOZL_Kv22sOLFgLQcH8/s1600-h/1.jpg"></a><br /><strong><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#000000;">1. นักศึกษาให้ความหมาย ผู้นำ ผู้บริหาร เหมือนหรือต่างกันอย่างไร<br />ตอบ</span> ผู้นำกับผู้บริหารแตกต่างกันที่<br />ผู้นำ คือ บุคคลที่มีความ สามารถในการใช้อิทธิพลให้คนอื่นทำงานในระดับต่าง ๆ ที่ต้องการให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (McFarland,1979:214-215) ผู้นำ คือ ผู้ที่สามารถในการชักจูงให้คนอื่นทำงานให้สำเร็จตามต้องการ (Huse, 1978:227)<br />ผู้นำ คือ บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดในกลุ่ม และเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติภาระหน้าที่ของตำแหน่งผู้นำที่ได้รับมอบหมายบุคคลอื่นในกลุ่มที่เหลือก็คือผู้ตาม แม้จะเป็นหัวหน้ากลุ่มย่อย หรือผู้ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ก็ตาม (Yukl, 1989:3-4)<br /></span></strong><strong><span style="color:#3333ff;">สรุปได้ว่า ผู้นำ (Leader) คือบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือการเลือกตั้งหรือการยกย่องจากกลุ่มให้ทำหน้าที่ของตำแหน่งผู้นำ เช่น การชี้แนะ สั่งการ และช่วยเหลือให้กลุ่มสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ได้มีการเขียนชื่อผู้นำแตกต่างกันออกไปตามลักษณะงานและองค์การที่อยู่ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ ประธานกรรมการ ผู้อำนวยการ อธิการบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ กำนัน เจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาส ปลัดกระทรวง<br />ส่วนผู้บริหาร คือ ผู้ที่แบ่งงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตามความรู้ความสามารถ แล้วนิเทศงานอย่างเป็นระบบ พร้อมให้คำแนะนำอย่างเหมาะสม เพื่อให้งานบรรลุผลอย่างมีคุณภาพ<br /><span style="color:#333333;">2. นักศึกษาสรุปบทบาทและภาระหน้าที่ของผู้นำ<br />ตอบ</span> บทบาทของผู้นำ<br />1. การชี้ขาด เมื่อมีปัญหาหรือความขัดแย้งเกิดขึ้น จะต้องเป็นผู้ชี้ขาด<br />2. การเสนอแนะ หาโอกาสเสนอแนะผู้ใต้บังคับบัญชา โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำสั่ง เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมเอาไว้<br />3. การให้เป้าหมาย เป้าหมายขององค์การไม่ได้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ แต่จะถูกกำหนดโดยที่ผู้นำกับเพื่อนสมาชิกทุกนในองค์การนั้น<br />4. การกระตุ้น ผู้นำจะต้องเป็นผู้กระตุ้นให้บุคลากรทุกคนในองค์การปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ และขณะเดียวกันก็สร้างขวัญและกำลังใจในกรปฏิบัติงานด้วย<br />5. การให้ความมั่นคงด้านการรักษาเจตคติในทางที่ดี และมองโลกในแง่ดีไว้เมื่อเผชิญกับปัญหา<br />6. การเป็นตัวแทน ผู้นำจะเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มในองค์การ การประพฤติปฏิบัติตัวจะต้องระมัดระวัง เพราะจะมีผลกระทบไปถึงกลุ่มบุคคลในองค์การนั้น<br />7. การดลใจ ผู้นำจะต้องให้ทุกคนภายในองค์การเห็นคุณค่าและความสำคัญของงาน และให้บริสุทธิ์ใจ<br />ภาระหน้าที่ของผู้นำ<br />1. หน้าที่ความรับผิดชอบต่อองค์การ ถือว่า เป็นหน้าที่ต้องกระทำในฐานเป็นผู้นำกลุ่ม ได้แก่ 1.1 กำหนดเป้าหมาย<br />1.2 วางแผน<br />1.3 ติดตามงานอยู่เสมอ พบข้อบกพร่องต้องรีบแก้ไข<br />1.4 เสริมสร้างให้ปริมาณและคุณภาพของงานได้รับผลสูงสุด<br />1.5 ให้ความเสมอภาคกับผู้มาติดต่อ<br />1.6 วางตนเหมาะสม มีกิริยามารยาทเรียบร้อย<br />2. หน้าที่ต่อผู้ตามหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ในฐานะหัวหน้างาน ผู้นำย่อมมีหน้าที่ความรับผิดชอบในงาน 3 ด้าน คือ<br />2.1 งานบริหาร<br />2.2 งานปกครอง<br />2.3 งานฝึกอบรม<br />3. หน้าที่ต่อหน่วยงานอื่น โดยการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น<br />4. หน้าที่ต่อตัวเอง<br />มีดังนี้ 4.1 สอนตัวเองให้เป็นผู้นำทีดี 4.2 รับผิดชอบงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด<br />4.3 ปฏิบัติตนให้เข้ากับสังคมได้ดี 4.4 ศึกษาหาความรู้ ปรับปรุงตนเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ<br />4.5 ขยันในการทำงาน อุทิศเวลาให้งานให้หน้าที่ 4.6 กล้ายอมรับผิด 4.7 ตรงต่อเวลา<br /></span></strong><strong><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#333333;">3. นักศึกษาจะมีวิธีการพัฒนาภาวะผู้นำของนักศึกษาได้อย่างไร<br />ตอบ</span> ข้าพเจ้าคิดว่าการพัฒนาภาวะผู้นำที่มีดังนี้การเป็นผู้นำที่ดีนั้น จะต้องพัฒนา ตัวเองอยู่เสมอให้นำหน้าบุคคลอื่น โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง พัฒนาตัวเองให้ทันสมัยทันเหตุการณ์อยู่เสมอ การพัฒนา ภาวะผู้นำอาจทำได้ ดังนี้1. เรียนจากงานที่ทำ ส่วนมากเวลาเราไปศึกษาดูงานจากสถานศึกษา มักจะดู Product (ผลงาน) มากกว่า เช่น เราไปดูโรงเรียนดีเด่น ผู้บริหารของโรงเรียนดีเด่น มักจะไม่ดูว่าเขาทำอย่างไรจึงได้รับความสำเร็จเป็นโรงเรียนดีเด่น คือเราไม่ดูกระบวนการ (Process) หรือ วิธีการ อย่าลืมว่า งานยิ่งท้าทายมากเท่าไรคนยิ่งใช้ความพยายามมากขึ้น คนยิ่งกระตือรือร้นยิ่งขึ้น เป็นการท้ายทายกระตุ้นความสามารถยิ่งขึ้น2. เรียนจากผู้อื่น ผู้นำต้องพร้อมที่จะเรียน พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงที่ดี ผู้ใดที่อยู่ในกลุ่มคนเรียนเก่งก็จะเก่งไปด้วย แต่ตรงข้ามถ้าอยู่ในกลุ่มของคนเรียนอ่อนก็พลอยเป็นคนเรียนอ่อนไปด้วย เหมือนคำโบราณที่กล่าวว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล”3. เรียนจากนาย ถ้าเราได้นายดี เราจะเรียนรู้อะไรมากมายจากนาย ตรงข้ามถ้านายเราไม่ดี เราก็พลอยแย่ไปด้วย ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นนายที่ดีของลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย การเรียนจากบทบาทแบบอย่าง (Roles) จะทำให้ผู้นำพัฒนาภาวะผู้นำมากยิ่งขึ้น ผู้นำหลายคนเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ซึ่งความผิดพลาดจะกลายเป็นบทเรียนชั้นดี4. การฝึกอบรมและปฏิบัติการ เป็นสิ่งที่ผู้นำจะพัฒนาภาวะผู้นำของตัวเองได้ การฝึกอบรม (Training) มีอยู่ 4 รูปแบบคือ4.1 ผู้นำคำใหม่ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใหม่ เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จะต้องมีการฝึกอบรม เช่น ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ จะมีการฝึกอบรมก่อนจะเข้ารับตำแหน่งเสมอ4.2 การพัฒนาการวิธีการจัดการ การฝึกอบรมจะเน้นทักษะในการทำงาน จะต้องทำให้ดีกว่า เน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง เช่น เมื่อมีกฎ ระเบียบ ออกมาใหม่ จะต้องเข้าอบรมเสียก่อน จะต้องฝึกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำก็เช่นเดียวกัน ถ้ารู้กฎ ระเบียบ แบบแผน กฎเกณฑ์ ข้อมูลใหม่ ๆ ท่านสามารถให้คำแนะนำปรึกษาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านได้4.3 เพิ่มพูนภาวะผู้นำ หรือความเป็นผู้นำ หมายถึง ฝึกความสามารถ4.4 ฝีกสิ่งสำคัญของภาวะผู้นำ หรือความเป็นผู้นำ หมายถึง ทุกคนรักความก้าวหน้า จะฝึกอย่างไรให้เขามีความก้าวหน้าเพราะทุกคนต้องการ(4.) นักศึกษากล่าวถึงภาวะผู้นำสมัยใหม่จะต้องมีวิธีคิดอย่างไรตอบ ในปัจจุบัน ยังมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับภาวะผู้นำอยู่ตลอดเวลา จึงเกิดเป็นแนวคิดที่สำคัญๆ ดังนี้1.ภาวะผู้นำแบบแลกเปลี่ยนและแบบเปลี่ยนแปลง (Transactional and Transformational Leadership) ผู้นำแบบแลกเปลี่ยน คือ ผู้นำแบบเดิมที่ใช้การแลกเปลี่ยนโดยรางวัลต่างๆ เป็นเครื่องมือในการชักจูงให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ได้รับผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนกัน ส่วนผู้นำแบบเปลี่ยนแปลงนั้น จะใช้ความสามารถเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติของสมาชิก เพื่อให้สมาชิกทำงานได้บรรลุเหนือกว่าเป้าหมายที่ต้องการ โดยผู้นำจะถ่ายทอดความคิด ประสบการณ์ และกระตุ้นทางด้านความคิดต่างๆให้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ2.ทฤษฎีความสามารถพิเศษของผู้นำ (Charismatic theory) เป็นการกล่าวถึงบุคลิกภาพของผู้นำที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากบุคคลอื่น รังสรรค์ ประเสริฐศรี กล่าวว่า ผู้นำที่มีความสามารถพิเศษ ควรมีลักษณะดังนี้ คือ เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถด้านทักษะการสื่อสาร ความสามารถที่ทำให้ผู้อื่นไว้วางใจ ความสามารถทำให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเองมีความสามารถ มีพลังและมุ่งการปฏิบัติให้บรรลุผล แสดงอารมณ์ได้อย่างเหมาะสมและเอื้ออาทรแก่ผู้อื่น ชอบที่เสี่ยง สร้างกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย มีการโฆษณาตัวเอง และทำให้การขัดแย้งภายในเกิดขึ้นน้อยที่สุด กระแสในปัจจุบันได้มุ่งให้ความสนใจกับ ภาวะผู้นำแบบเปลี่ยนแปลง (Transformational Leadership) และภาวะผู้นำที่มีความสามารถพิเศษ (Charismatic leadership) ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้พยายามอธิบายว่า ผู้นำประสบความสำเร็จในระดับสูงในการจูงใจสมาชิก<br /><span style="color:#333333;">4. นักศึกษากล่าวถึงภาวะผู้นำสมัยใหม่จะต้องมีวิธีคิดอย่างไร<br />ตอบ</span> ผู้นำสมัยใหม่จะต้องมีแนวคิดดังนี้<br />1. จะต้องมีความฉลาด ผู้นำจะต้องมีระดับความรู้และสติปัญญาโดยเฉลี่ยสูงกว่าบุคคลที่ให้เขาเป็น<br />ผู้ตาม ถึงแม้จะไม่แตกต่างกันมาก เพราะผู้นำจะต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง 2. จะต้องวุฒิภาวะทางสังคมและใจกว้าง คือจะต้องมีความสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว อย่างกว้างขวาง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ จะต้องยอมรับสภาพต่าง ๆ ไม่ว่าแก้หรือชนะ ไม่ว่าผิดหวังหรือสำเร็จ<br />3. จะต้องมีแรงจูงใจภายใน ผู้นำจะต้องมีแรงจูงใจภายในสูง และจะต้องมีแรงขับที่จะทำอะไรให้ดีเด่น ให้สำเร็จอยู่เรื่อย ๆ เมื่อทำสิ่งหนึ่งสำเร็จก็ต้องการที่จะทำสิ่งอื่นต่อไป<br />4. จะต้องมีเจตคติเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ ผู้นำที่ประสบผลสำเร็จนั้น เขายอมรับอยู่เสมอว่า งานที่สำเร็จนั้นมีคนอื่นช่วยทำ ไม่ใช่เขาทำเอง 5.มีความรู้เท่าทันในสถานการณ์<br />6 .มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ปัญหา แก้ปัญหาและตัดสินใจ<br />7.มีพฤติกรรมกล้าเสี่ยง<br />8.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์<br />9.มีความรู้สึกไวต่อบุคคลอื่น<br />10.มีความใฝ่รู้และฝึกฝนการเรียนรู้<br /><span style="color:#333333;">5. นักศึกษาคิดว่า ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำที่ดีควรทำอย่างไร<br />ตอบ</span> ประสิทธิภาพของภาวะผู้นำที่ดีนั้นจะต้องมีควรทำ ดังนี้<br />1.ต้องเป็นนักเผด็จการ หมายถึงผู้บริหารสามารถจะสั่งการได้อย่างเด็ดขาด ผลผลิตที่ได้มาส่วนใหญ่จะมาด้วยปริมาณ ส่วนเรื่องคุณภาพที่จะดีในช่วงแรก ๆ หากผู้นำสามารถสอดส่องดูแลอยู่ตลอดเวลา ผลผลิตก็อาจจะมีทั้งปริมาณและคุณภาพที่ดีตามไปด้วย<br />2. ต้องเป็นนักพัฒนา ผู้นำประเภทนี้จะต้องมีผู้ร่วมงานที่รู้ใจ สามารถสร้างสรรงานใหม่ ๆ ตลอดเวลา<br />3 .ต้องเป็นนักบริหาร ผู้นำประเภทนี้จะใช้การทำงานด้วยวิธีใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้ร่วมแสดงความคิดเห็นแม้กระทั่งในการวางนโยบายต่าง ๆ การทำงานโดยทั่วไปจึงเป็นไปในลักษณะประชาธิปไตย ผู้ร่วมงานจะต้องเป็นผู้มีคุณภาพเพียงพอ สามารถตอบสนองการทำงานในระบบใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี<br />4.ต้องเป็นนักเผด็จการอย่างมีศิลปะ ผู้นำประเภทนี้เป็นนักพูดที่เฉลียวฉลาด จะใช้การพูดเป็นการชักชวนให้เกิดการทำงานด้วยความเต็มใจ มีการเสนอแนะและหว่านล้อม ให้เห็นคล้อยตามไปโดยปริยาย<br />นอกจากนี้ผู้นำที่ดีนั้นจะต้องรู้จักการนำหลักธรรมมาบริหารบุคคลด้วย ได้แก่ ทศพิธราชธรรม 10 ประการ, อธิษฐานธรรม 4, พรหมวิหารธรรม 4, อคติ 4, คหิสุข 4, สังคหะวัตถุ 4, ขันติโสรัจจะ หิริโอตัปปะ, อิทธิบาท 4, เวสารัธชกรณะ 5, ยุติธรรม 5, อปริหานิยธรรม 7, นาถกรณธรรม 10, กัลยาณมิตรธรรม 7 และบารมี 10 ประการ (ทศบารมี) ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารและจัดการสมัยใหม่ได้</span></strong></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-77470208188485749812010-01-14T00:39:00.000+07:002010-02-09T21:47:15.362+07:00ใบงานที่ ๑ทฤษฎีและหลักการจัดการบริหารการ</strong></strong></em></em>ศึกษา</span> </span></div><div
<br />ตอบ</span> การบริหาร หมายถึง กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ (Sergiovanni)
<br />การบริหาร หมายถึง การทำงานของคณะบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่รวมปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน (Barnard)
<br />การบริหาร หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมมือกันดำเนินการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายๆอย่างที่บุคคลร่วมกันกำหนดโดยใช้กระบวนอย่างมีระบบและให้ทรัพยากรตลอดจนเทคนิคต่างๆ อย่างเหมาะสม
<br />การบริหารการศึกษา หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆ ด้าน นับแต่ บุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ เจตคติ พฤติกรรม คุณธรรม เพื่อให้มีค่านิยมตรงกันกับความต้องการของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ที่อาศัยควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีผลต่อบุคคล และอาศัยทรัพยากร ตลอดจนเทคนิคต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคคลพัฒนาไปตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนดำเนินชีวิตอยู่(ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 6) </span></div><div align="left"><span style="font-family:arial;">คำว่า “สถานศึกษา” หมายความ ว่าสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การศึกษาพิเศษ ศูนย์การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย ศูนย์การเรียน วิทยาลัย วิทยาลัยชุมชน สถาบันหรือสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและตามประกาศกระทรวง(พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
<br /><span style="color:#000066;">2. นักศึกษาอธิบายคำว่าศาสตร์และศิลป ยกตัวอย่างประกอบ
<br /></span><span style="color:#000066;">ตอบ</span> ศาสตร์คือ สามารถศึกษาได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน มีกฎเกณฑ์ หลักการและทฤษฎีที่เชื่อถือได้
<br />ศิลปะคือ การนำมาใช้หรือประยุกต์ใช้หรือการนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์
<br /><span style="color:#000066;">3. นักศึกษากล่าวสรุปการวิวัฒนาการบริหารอย่างย่อ ๆพอสังเขป</span>
<br /><span style="color:#000066;">ตอบ</span> </span><a name="OLE_LINK4"></a><a name="OLE_LINK3"><span style="font-family:arial;">ทฤษฎีทางการบริหารและวิวัฒนาการการบริหารการศึกษา</span></a><span style="font-family:arial;">
<br />ระยะที่ 1 ระหว่าง ค.ศ. 1887 – 1945(ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 10) ยุคนักทฤษฎีการบริหารสมัยดั้งเดิม (The Classical organization theory) แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่มดังนี้
<br />1.กลุ่มการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ของเทย์เลอร์ (Scientific Management)ของ เฟรดเดอริก เทย์เลอร์ (Frederick Taylor) ความมุ่งหมายสูงสุดของแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์คือ จัดการบริหารธุรกิจหรือโรงงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด Taylor มองคนงานแต่ละคนเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่สามารถปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตขององค์การได้ เจ้าของตำรับ “The one best way” คือประสิทธิภาพของการทำงานสูงสุดจะเกิดขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ
<br />1.1 เลือกคนที่มีความสามารถสูงสุด (Selection)
<br />1.2 ฝึกอบบรมคนงานให้ถูกวิธี (Training)
<br />1.3 หาสิ่งจูงใจให้เกิดกำลังใจในการทำงาน (Motivation)
<br />เทย์เลอร์ ก็คือผลผลิตของยุคอุตสาหกรรมในงานวิจัยเรื่อง “Time and Motion Studies” เวลาและการเคลื่อนไหว เชื่อว่ามีวิธีการการทางวิทยาศาสตร์ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์เพียงวิธีเดียวที่ดีที่สุด เขาเชื่อในวิธีแบ่งงานกันทำ ผู้ปฏิบัติระดับล่างต้องรับผิดชอบต่อระดับบน เทย์เลอร์ เสนอ ระบบการจ้างงาน(จ่ายเงิน)บนพื้นฐานการสร้างแรงจูงใจ สรุปหลักวิทยาศาสตร์ของเทยเลอร์สรุปง่ายๆประกอบด้วย 3 หลักการดังนี้
<br />1. การแบ่งงาน (Division of Labors)
<br />2. การควบคุมดูแลบังคับบัญชาตามสายงาน (Hierarchy)
<br />3. การจ่ายค่าจ้างเพื่อสร้างแรงจูงใจ (Incentive payment)
<br />2. กลุ่มการบริหารจัดการ(Administration Management) หรือ ทฤษฎีบริหารองค์การอย่างเป็นทางการ(Formal Organization Theory ) ของ อังรี ฟาโยล์ (Henri Fayol) บิดาของทฤษฎีการปฏิบัติการและการจัดการตามหลักบริหาร ทั้ง Fayol และ Taylor จะเน้นตัวบุคลปฏิบัติงาน + วิธีการทำงาน ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลแต่ก็ไม่มองด้าน “จิตวิทยา” (ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 17)Fayol ได้เสนอแนวคิดในเรื่องหลักเกี่ยวกับการบริหารทั่วไป 14 ประการ แต่ลักษณะที่สำคัญ ดร.วิชัย ตันศิริ ได้นำเสนอในหนังสือ อุดมการณ์ทางการศึกษาทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ดังนี้
<br />2.1 หลักการทำงานเฉพาะทาง (Specialization) คือการแบ่งงานให้เกิดความชำนาญเฉพาะทาง
<br />2.2 หลักสายบังคับบัญชา เริ่มจากบังคับบัญชาสูงสุดสู่ระดับต่ำสุด
<br />2.3 หลักเอกภาพของบังคับบัญชา (Unity of Command)
<br />2.4 หลักขอบข่ายของการควบคุมดูแล (Span of control) ผู้ดูแลหนึ่งคนต่อ 6 คนที่จะอยู่ใต้การดูแลจึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด
<br />2.5 การสื่อสารแนวดิ่ง (Vertical Communication) การสื่อสารโดยตรงจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง
<br />2.6 หลักการแบ่งระดับการบังคับบัญชาให้น้อยที่สุด คือ ไม่ควรมีสายบังคับบัญชายืดยาว หลายระดับมากเกินไป
<br />2.7 หลักการแบ่งความรับผิดชอบระหว่างสายบังคับบัญชาและสายเสนาธิการ (Line and Staff Division)
<br />3. ทฤษฎีบริหารองค์การในระบบราชการ (Bureaucracy) มาจากแนวคิดของ แมกซ์ เวเบอร์ (Max Weber) ที่กล่าวถึงหลักการบริหารราชการประกอบด้วย
<br />3.1 หลักของฐานอำนาจจากกฎหมาย
<br />3.2 การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ ที่ต้องยึดระเบียบกฎเกณฑ์
<br />3.3 การแบ่งงานตามความชำนาญการเฉพาะทาง
<br />3.4 การแบ่งงานไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนตัว
<br />3.5 มีระบบความมั่นคงในอาชีพ
<br />จะอย่างไรก็ตามระบบราชการก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในด้าน ข้อเสีย คือ สายบังคับบัญชายืดยาวการทำงานต้องอ้างอิงกฎระเบียบ จึงชักช้าไม่ทันการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน เรียกว่า ระบบ “Red tape” ในด้านข้อดี คือ ยึดประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก การบังคับบัญชา การเลื่อนขั้นตำแหน่งที่มีระบบระเบียบ แต่ในปัจจุบันระบบราชการกำลังถูกแทรกแซงทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ ทำให้เริ่มมีปัญหา
<br />ระยะที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1945 – 1958 (ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 10) ยุคทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ (Human Relation ) Follette ได้นำเอาจิตวิทยามาใช้และได้เสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง(Conflict) ไว้ 3 แนวทางดังนี้
<br />1. Domination คือ ใช้อำนาจอีกฝ่ายสยบลง คือให้อีกฝ่ายแพ้ให้ได้ ไม่ดีนัก
<br />2. Compromise คือ คนละครึ่งทาง เพื่อให้เหตุการณ์สงบโดยประนีประนอม
<br />3. Integration คือ การหาแนวทางที่ไม่มีใครเสียหน้า ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง (ชนะ ชนะ) นอกจากนี้ Follette ให้ทัศนะน่าฟังว่า “การเกิดความขัดแย้งในหน่วยงานเป็นความพกพร่องของการบริหาร” (ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 25)
<br />การวิจัยหรือการทดลองฮอร์ทอร์น (Hawthon Experiment) ที่ เมโย(Mayo) กับคณะทำการวิจัยเริ่มที่ข้อสมมติฐานว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของคนงาน มีการค้นพบจากการทดลองคือมีการสร้างกลุ่มแบบไม่เป็นทางการในองค์การ ทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ที่ว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์ มีความสำคัญมาก ซึ่งผลการศึกษาทดลองของเมโยและคณะ พอสรุปได้ดังนี้
<br />1. คนเป็นสิ่งมีชีวิต จิตใจ ขวัญ กำลังใจ และความพึงพอใจเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน
<br />2. เงินไม่ใช่ สิ่งล่อใจที่สำคัญแต่เพียงอย่างเดียว รางวัลทางจิตใจมีผลต่อการจูงใจในการทำงานไม่น้อยกว่าเงิน
<br />3. การทำงานขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางสังคมมากกว่าสภาพแวดล้อมทางกายภาพคับที่อยู่ได้คับใจอยู่อยาก* ข้อคิดที่สำคัญ การตอบสนองคน ด้านความต้องการศักดิ์ศรี การยกย่อง จะส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานจากแนวคิด “มนุษยสัมพันธ์”*ระยะที่ 3 ตั้งแต่ ค.ศ. 1958 – ปัจจุบัน (ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ, 2542: 11) ยุคการใช้ทฤษฎีการบริหาร(Administrative Theory)หรือการศึกษาเชิงพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral Science Approach) ยึดหลักระบบงาน + ความสัมพันธ์ของคน + พฤติกรรมขององค์การ ซึ่งมีแนวคิด หลักการ ทฤษฎีที่หลายๆคนได้แสดงไว้ดังต่อไปนี้
<br />เชสเตอร์ ไอ บาร์นาร์ด (Chester I. Barnard ) เขียนหนังสือชื่อ The Function of The Executive ที่กล่าวถึงงานในหน้าที่ของผู้บริหารโดยให้ความสำคัญต่อบุคคลระบบของความร่วมมือองค์การ และเป้าหมายขององค์การ กับความต้องการของบุคคลในองค์การต้องสมดุลกัน
<br /><span style="color:#000066;">4. นักศึกษาอธิบายทฤษฎีมาสโลว์ ทฤษฎีภาวะผู้นำ ทฤษฎีX ทฤษฎีY</span>
<br /><span style="color:#000066;">ตอบ</span> ทฤษฎีของมาสโลว์ ว่าด้วยการจัดอันดับขั้นของความต้องการของมนุษย์ (Maslow – Hierarchy of needs) เป็นเรื่องแรงจูงใจแบ่งความต้องการของมนุษย์ตั้งแต่ความต้องการด้านกายภาพ ความต้องการด้านความปลอดภัยความต้องการด้านสังคม ความต้องการด้านการเคารพ – นับถือ และประการสุดท้าย คือ การบรรลุศักยภาพของตนเอง (Self actualization) คือมีโอกาสได้พัฒนาตนเองถึงขั้นสูงสุดจากการทำงาน แต่ความต้องการเหล่านี้ ต้องได้รับการตอบสนองตามลำดับขั้น
<br />ทฤษฏีภาวะผู้นำ แยกออกได้เป็นทฤษฏีผู้นำตามคุณลักษณะ ผู้นำต้องมีคุณลักษณะที่เหมาะสมแก่การเป็นผู้นำทฤษฏีผู้นำตามตัวแบบของวรูม เยตตัน และแจโก มุ่งวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ด้านสถานการณ์ ว่ามีผลกระทบต่อระดับความร่วมมือของพนักงานมากน้อยเพียงไรทฤษฏีภาวะผู้นำ ทฤษฎีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำ แยกได้เป็นทฤษฎีคุณลักษณะผู้นำ ทฤษฏีพฤติกรรมผุ้นำ และทฤษฏีตามสถานการณ์
<br />ทฤษฎี X ทฤษฎี Y ของแมคกรีกอร์ (Douglas MC Gregor Theory X, Theory Y ) เขาได้เสนอแนวคิดการบริหารอยู่บนพื้นฐานของข้อสมมติฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ต่างกัน
<br />ทฤษฎี X (The Traditional View of Direction and Control) ทฤษฎีนี้เกิดข้อสมติฐานดังนี้
<br />1. คนไม่อยากทำงาน และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
<br />2. คนไม่ทะเยอทะยาน และไม่คิดริเริ่ม ชอบให้การสั่ง
<br />3. คนเห็นแก่ตนเองมากว่าองค์การ
<br />4. คนมักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
<br />5. คนมักโง่ และหลอกง่าย ผลการมองธรรมชาติของมนุษย์เช่นนี้ การบริหารจัดการจึงเน้นการใช้เงิน วัตถุ เป็นเครื่องล่อใจ เน้นการควบคุม การสั่งการ เป็นต้น
<br />ทฤษฎี Y (The integration of Individual and Organization Goal) ทฤษฎีข้อนี้เกิดจากข้อสมติฐานดังนี้
<br />1. คนจะให้ความร่วมมือ สนับสนุน รับผิดชอบ ขยัน
<br />2. คนไม่เกียจคร้านและไว้วางใจได้
<br />3. คนมีความคิดริเริ่มทำงานถ้าได้รับการจูงใจอย่างถูกต้อง
<br />4. คนมักจะพัฒนาวิธีการทำงาน และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ผู้บังคับบัญชาจะไม่ควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวด แต่จะส่งเสริมให้รู้จักควบคุมตนเองหรือของกลุ่มมากขึ้น ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน </span></div><div align="left"><span style="font-family:arial;"><span style="color:#000066;">5. ทฤษฎีอธิบายมนุษยสัมพันธ์และแรงจูงใจ
<br />ตอบ</span> มีอยู่มากมาย อาทิ
<br /> ทฤษฏีความต้องการ 5 ขั้นของอับราฮัม มาสโลว์ ได้แก่ ความต้องการด้านกายภาพ ความปลอดภัย ความต้องการด้านสังคม ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือ และความต้องการสำเร็จสมหวังในชีวิต
<br /> ทฤษฏีความต้องการ 5 ขั้นของอีริค ฟรอมม์ มนุษย์มีความต้องการ 5 ประการ ได้แก่ มีสัมพันธภาพ สร้างสรรค์ มีสังกัด มีเอกลักษณ์แห่งตน และมีหลักยึดเหนี่ยว
<br /> ทฤษฏีความต้องการความสัมฤทธิ์ผลของแมคเคลแลนด์ มนุษย์มีความต้องการ 3 ด้าน ได้แก่ ความสำเร็จ อำนาจ และความต้องการทางสังคม
<br /> ทฤษฏีการเสริมแรงของสกินเนอร์ การเสริมแรงของมนุษย์มีพื้นฐานอยู่บนปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ มนุษย์จะมีพฤติกรรมตามการเสริมแรงที่เกิดขึ้นกับตนและการทำงานของตน เป็นพฤติกรรมที่สามารถวัดหรือสังเกตได้ และการเสริมแรงที่เหมาะสมนั้นจะทำให้พฤติกรรมที่เป็นที่ต้องการมีเพิ่มขึ้น และที่ไม่ต้องการมีลดน้อยลงไป แบ่งเป็น การเสริมแรงทางบวก คือ การให้รางวัลในผลลัพธ์จากการกระทำที่ต้องการหรือปรับปรุงพฤติกรรม และการเสริมแรงทางลบ คือ การให้รางวัลจากการสามารถขจัดสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปได้
<br /> ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ โครงสร้างบุคลิกภาพของมนุษย์ ประกอบไปด้วยพลัง 3 ประการ ได้แก่ Id Ego และ Superego
<br />ทฤษฏีสององค์ประกอบของเฟรเดอริค เฮอร์ซเบิร์ก แรงจูงใจของมนุษย์เกิดขึ้นจากปัจจัยสองอย่าง ได้แก่ สิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจและสิ่งที่ทำให้เกิดความพอใจ </span></div><em></em><em></em><em></em><em></em><em></em><blockquote></blockquote>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8320647090554763915.post-210277171272940642010-01-14T00:22:00.002+07:002010-02-10T23:27:51.785+07:00แนะนำตัวเอง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1fKmsOiNZ1KJ_KNtwO6NSIxD0Vs_KDI0mK8plG4krPyRrCS4i9_rUS46si5VPR2mdgivWBJOP1xFhGQ6s4ClD2pdQtKusM7U1DWKTGpjyicN1bQACz7L-uPNa0y6tne2U-5GT9-E0h9g/s1600-h/Untitled-1.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5426276262349942482" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 285px; CURSOR: hand; HEIGHT: 221px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1fKmsOiNZ1KJ_KNtwO6NSIxD0Vs_KDI0mK8plG4krPyRrCS4i9_rUS46si5VPR2mdgivWBJOP1xFhGQ6s4ClD2pdQtKusM7U1DWKTGpjyicN1bQACz7L-uPNa0y6tne2U-5GT9-E0h9g/s320/Untitled-1.jpg" border="0" /></a><br /><br /><div align="center"><span style="font-family:trebuchet ms;color:#000099;">นายวิรัช ศรีสวัสดิ์ ชื่อเล่น "วี" เกิดวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๑</span></div><br /><div align="center"><span style="font-family:trebuchet ms;color:#000099;">สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย ศาสนา พุทธ</span></div><br /><div align="center"><span style="font-family:verdana;color:#cc0000;"><strong>ปัจจุบันกำลังศึกษาหลักสูตร คณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ ๓</strong></span></div><br /><div align="center"><span style="font-family:verdana;color:#cc0000;"><strong>มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช</strong></span></div><br /><div align="center"><span style="font-family:verdana;color:#cc0000;"><strong>gmail:kungchay039@gmail.com</strong></span></div><br /><div align="center"><span style="font-family:verdana;color:#cc0000;"><strong>คติประจำใจ "ฝันให้ไกลไปให้ถึง"</strong></span></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhdOiVPc9mHII8KpxO4cdyojjzp0AZknAINrNyxIVsl8SGS-l5FEfcFYz6i918hsr5J-GuUUN56eBi-_4fb1-wjKL6NANQIdXGT01DCyBGXKpPG41VywncgsVg2dI3lGRjG1qoLKdfVyKU/s1600-h/T061009_09C_r[1].gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5436517991774224578" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 248px; CURSOR: hand; HEIGHT: 203px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhdOiVPc9mHII8KpxO4cdyojjzp0AZknAINrNyxIVsl8SGS-l5FEfcFYz6i918hsr5J-GuUUN56eBi-_4fb1-wjKL6NANQIdXGT01DCyBGXKpPG41VywncgsVg2dI3lGRjG1qoLKdfVyKU/s200/T061009_09C_r%5B1%5D.gif" border="0" /></a><br /><div align="center"><span style="color:#cc0000;"></span></div>wirat sisawathttp://www.blogger.com/profile/13209963583435008268noreply@blogger.com0